xs
xsm
sm
md
lg

พิษศัลยกรรม! เมียเถ้าแก่ร้านแบตฯ ลำปางช็อก ต้องหามส่ง รพ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลำปาง - เหยื่อศัลยกรรมอีกรายร้องสื่อ หลังหมอฯแนะภรรยาทำศัลยกรรมรวดเดียว 7 รายการโดยไม่มีการพักฟื้น กลับถึงบ้านถึงกับช็อกต้องหามส่งโรงพยาบาล สามีเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดีวันนี้ (25 ก.ย.)

นายสมชัย เกตุแก้ว หรือติ่ง เจ้าของร้าน ต.แบตเตอรี่ ชื่อดังเมืองลำปาง ได้พาผู้สื่อข่าวเข้าดูอาการของนางญาณิศา เกตุแก้ว ภรรยาซึ่งนอนรักษาตัวอยู่ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดลำปาง หลังภรรยาไปทำศัลยกรรมกับคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่ แต่แผลอักเสบจนต้องหามส่งโรงพยาบาลกันเอง

นางญาณิศาซึ่งยังอยู่ในอาการเจ็บปวดบริเวณหน้าท้องเนื่องจากมีเลือดไหลออกจากฝีเข็มที่เย็บยาวกว่า 40 ซม. เนื่องจากการทำศัยลกรรม ตัด-ดูดไขมันบริเวณหน้าท้องออกประมาณ 5-6กิโลกรัม เล่าว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 55 นายพิชัย วิสารัตน์ (สาวประเภทสอง) ซึ่งเป็นพี่ชายของตนเองได้พาไปทำศัลยกรรมที่คลินิกหมอที่จังหวัดแพร่ โดยตนได้ทำศัลยกรรมรวม 7 รายการ ตามคำแนะนำของหมอที่บอกว่าสามารถทำได้ในเวลาเดียวกัน คือ ทำตาสองชั้น เสริมจมูก ตัดปาก ดึงหน้า เสริมหน้าอก ดูดและตัดไขมันหน้าท้อง และทำรีแพร์ ค่าใช้จ่ายเกินหนึ่งแสนบาท

โดยได้เข้าห้องผ่าตัดเวลา 09.00 น. และออกจากห้องประมาณ 12.00 น. ด้วยอาการเบลอของฤทธิ์ยา พี่ชายและเจ้าหน้าที่ได้พยุงตนเองขึ้นรถกลับลำปางทันที ซึ่งระหว่างทางตนเองรู้สึกเจ็บปวดมากจนแทบทนไม่ไหว

เมื่อกลับมาถึงบ้านเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน สามีคือนายสมชัยได้กลับมาบ้านเห็นสภาพตนเอง ซึ่งพันด้วยผ้าก๊อซทั้งตัวจึงตกใจมาก และตนเองก็รู้สึกตัวว่าไม่ไหวแล้วและช็อก สามีจึงพามายังโรงพยาบาลเอกชน แต่เบื้องต้นโรงพยาบาลเห็นอาการแล้วไม่รับ สามีจึงพากลับบ้านและไปติดต่อที่โรงพยาบาลลำปาง ขณะเดียวกันก็ได้ติดต่อไปยังหมอชาตรี (หมอที่ทำศัลยกรรม) เพื่อให้ประสานกับโรงพยาบาลเอกชนให้ จนทางโรงพยาบาลยอมให้ตนเองเข้าพักรักษาที่โรงพยาบาลแต่ไม่ได้เป็นคนไข้ของทางโรงพยาบาลแต่อย่างใด ทำให้พยาบาลที่มาดูแลทำได้เพียงล้างแผลให้เท่านั้น

ส่วนตัวหมอชาตรีตั้งแต่วันที่ผ่าตัดก็ไม่มาเลย จนกระทั่งเมื่อ 23 ก.ย. 55 ถึงเวลานัดตัดไหมที่หน้าอก หมอจึงมาแค่ตัดไหมอย่างเดียวเท่านั้น และบอกให้ตนกลับบ้านได้ แต่ตนเองรู้สึกตัวว่าอาการแย่ลงมาก หากกลับบ้านอาจจะไม่ปลอดภัย

ขณะที่ นายสมชัยกล่าวว่า วันที่เกิดเหตุหลังจากที่ตนกลับไปถึงบ้านเห็นสภาพภรรยาที่พันผ้าทั้งตัวแทบช็อก ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล แต่ทางโรงพยาบาลไม่รับ ตนต้องพยายามประสานทางโรงพยาบาลต่างๆ เพราะกลัวภรรยาจะเสียชีวิต จนหมอชาตรีคนที่ผ่าตัดประสานมายังโรงพยาบาลเอกชนเพื่อให้คนไข้มาพักรักษาตัว แต่ก็เพียงแค่มาอาศัยโรงพยาบาลนอนเท่านั้น แพทย์หรือพยายาบาลของโรงพยาบาลก็ไม่สามารถรักษาอะไรได้
 
ส่วนหมอที่ทำศัลยกรรมก็ไม่ได้มาดูแลเท่าที่ควร มาก็เพียงแค่ตัดไหมเท่านั้น แต่ตอนนี้แผลที่หน้าท้องยาวมีเลือดไหลทั้งๆ ที่ผ่าตัดมาได้กว่า 10 วันแล้วก็ยังไม่หยุด ซึ่งพยาบาลที่มาล้างแผลก็บอกว่าไม่ใช่เลือดธรรมดา ตนก็ไม่รู้จะถามหมอชาตรีอย่างไร เพราะหมอไม่ได้มาติดตามอาการของคนไข้เลย

ขณะนี้ตนต้องเสียเงินค่าที่พักรักษาในโรงพยาบาลกว่าครึ่งแสนแล้ว จึงอยากให้หมอเข้ามารับผิดชอบในเรื่องนี้มากขึ้นด้วย

โดยในวันนี้ (25 ก.ย. 55) ตนจะเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์เพื่อเอาผิดต่อหมอชาตรี ที่จังหวัดแพร่

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าหมอชาตรี มีการเปิดคลินิกเสริมความงามอยู่หลายจังหวัด และจะเดินสายทำศัลยกรรมตามที่ลูกค้าแจ้งความต้องการไว้แทบทุกวัน

ส่วนกรณีของนางญาณิศา แม้จะทำศัลยกรรมครั้งเดียว 7 รายการ และที่อาการหนักสุด คือ การผ่าตัดหน้าท้องตัด ดูดมดลูกออก กลับพบว่า หลังผ่าตัดแล้วหมอไม่มียาที่ใช้รักษาต่อเนื่อง มีเพียงยา ซึ่งไม่มี อย.รับรองบรรจุในถุงพลาสติกซึ่งแม้แต่ชื่อคลินิกก็ไม่มีระบุหน้าซองยา มีเพียงยาแต้มรอยแผลเป็นให้เท่านั้น ทั้งๆที่การทำศัลยกรรมมีมูลค่าสูงกว่าแสนบาท



กำลังโหลดความคิดเห็น