รมต.วิทย์ลงพื้นที่นครพนมเก็บข้อมูลหาทางแก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้งซ้ำซาก

นครพนม - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงพื้นที่นครพนมแก้ปัญหาแหล่งน้ำรับมือภัยแล้งและน้ำท่วมซ้ำซาก หนุนโครงการพัฒนากักเก็บน้ำในลำน้ำสาขาทำเกษตรไม่ปล่อยทิ้งลงสู่น้ำโขงโดยไร้ประโยชน์

วันนี้ (24 ก.ย.) นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางเป็นประธานในพิธีเปิดงานแข่งเรือยาวเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีไทย-ลาวในลำน้ำโขง ที่องค์การบริหารส่วนตำบลพระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จัดขึ้นเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีชาวบ้านในชุมชนริมโขงสองฝั่ง และในโอกาสนี้ยังได้มอบผ้าห่มกันหนาว 500 ผืน และแจกพันธุ์ปลาแก่ชาวบ้านนำไปเลี้ยงจำนวนหนึ่งด้วย

นายปรีชาเปิดเผยว่า ประเด็นหลักที่เดินทางมานครพนมครั้งนี้นั้น ในคณะยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงฯ เช่น นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ นายประณีต ร้อยบาง อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง เช่น นายไพจิต ศรีวรขาน นายชูกัน กุลวงษา นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร นำลงพื้นที่รับทราบปัญหาจากชาวบ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำเสนอปัญหาและความต้องการจากชาวบ้าน ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีในการติดตามปัญหาเกี่ยวกับแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นประเด็นหลัก เพื่อวางระบบพัฒนาให้เป็นที่เก็บกักน้ำให้ประชาชนได้ใช้ในการเกษตรแก้ปัญหาน้ำท่วมและปัญหาภัยแล้ง

โดยในวันนี้ได้รับฟังปัญหาการเสนอโครงการพัฒนาบึงสีดา ในพื้นที่ ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณขุดลอก ประมาณ 10 ล้านบาท เพราะมีปัญหาเรื่องการตื้นเขินนอกจากนี้ยังได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม สำรวจโครงการขุดลอกหนองบึงกอง พื้นที่กว่า 100 ไร่ ในพื้นที่ ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม โดยทางองค์การบริหารส่วนตำบลพระกลางทุ่งได้เสนอของบประมาณจากรัฐบาล ในการขุดลอกประมาณ 10 ล้านบาท เนื่องจากเกิดปัญหาตื้นเขินมานานหลายสิบปี ซึ่งหากมีการพัฒนาขุดลอกจะทำให้ประชาชนสามารถใช้น้ำทำในการเกษตรได้ตลอดช่วงฤดูแล้ง

นายปรีชาระบุว่า ในเบื้องต้นได้เน้นย้ำให้ทางจังหวัดวางกรอบการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและฝนแล้งซ้ำซากโดยเน้นโครงการพัฒนาลำห้วยสาขาตลอดแนวลำน้ำโขง อาทิ ลำน้ำสงคราม โดยเน้นโครงการกักเก็บน้ำไว้ให้ชาวบ้านทำการเกษตรและเป็นแก้มลิงในการซับน้ำป้องกันน้ำท่วม เนื่องจากในหน้าฝนก็จะมีน้ำปริมาณมากพอหน้าแล้งก็ไหลลงสู่น้ำโขงหมด ซึ่งทางรัฐบาลพร้อมจัดสรรงบประมาณดำเนินการตรงจุดนี้เพื่อแก้ปัญหาอย่างถาวร