พระนครศรีอยุธยา - ตำรวจกรุงเก่าปูพรม ค้นหาหลักฐานคนร้ายบุกปล้นรถขนเงินธนาคารกรุงเทพ ได้เงินไปกว่า 15 ล้านบาท พบหลักฐานเป็นซองบุหรี่ โพยบอล ของคนร้ายตกอยู่ที่จุดที่รถคนร้ายจอดทิ้งไว้ ส่วนเก๋งฮอนด้าสีขาวที่คนร้ายใช้ก่อเหตุถูกโจรกรรมมาจากร้านคาร์แคร์แห่งหนึ่งใกล้ ม.กรุงเทพ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนปล้น รถขนเงินของธนาคารกรุงเทพไป 15,950,000 บาท โดยเหตุเกิดที่หน้าห้างเทสโก้ โลตัส สาขาบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเมื่อเย็นวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา
วyoนี้ (18 ก.ย.) พ.ต.อ.ภูวดิท ชนะคชภัทร์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (รอง ผบก.ภ.จว.) ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 50 นาย และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างอีก 50 คน ปูพรมเข้าตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติมบนถนนในซอยเข้าชุมชนคลองจิก ม.2 ตำบลตลองจิก อำเภอบางปะอิน ซึ่งคนร้ายนำรถเก๋งฮอนด้า รุ่นฟรีด สีขาว ที่ใช้ในการก่อเหตุ มาจอดทิ้งไว้
จากการตรวจสอบนานกว่า 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่พบหลักฐานเป็นซองบุหรี่ยังมีบุหรี่เหลืออยู่ในซอง และโพยบอลที่เขียนเลขทะเบียนรถของคนร้าย ตกอยู่ที่จุดที่รถคนร้ายจอดทิ้งไว้ ที่เป็นประโยชน์เพิ่มต่อรูปคดี
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบภาพทีวีวงจรปิดของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้จุดที่คนร้ายนำรถยนต์มาจอดทิ้ง พบหลักฐานเพิ่มเติมเป็นรถยนต์เก๋งมาสด้า 2 สีขาว ซึ่งตรงกับภาพวงจรปิดของห้างโลตัส บางปะอิน ที่วิ่งผ่านในเวลาใกล้เคียงกับรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องสงสัยอีก 1 คันเป็นรถเก๋งสีดำ ที่พยานเห็นว่าขับวนเวียนน่าสงสัยในช่วงที่เกิดเหตุด้วยเช่นกัน
สำหรับรถเก๋งฮอนด้าสีขาวที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ พบว่าถูกโจรกรรมมาจากร้านคาร์แคร์แห่งหนึ่งใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เขตอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
พ.ต.อ.ภูวดิท ชนะคชภัทร์ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ตนขอตำหนิบริษัทขนเงินธนาคารที่ไม่มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะนำเงินมาลง จึงเป็นช่องโหว่ให้คนร้ายใช้โอกาสนี้ปล้นชิงถุงเงินได้ เมื่อเกิดเหตุก็ไม่พ้นหน้าที่ตำรวจต้องติดตามคนร้าย แต่บริษัทมีประกันไม่ได้เดือดร้อนอะไร แค่หนีเอาชีวิตรอดก็พอ
ผบช.ภ.1 เรียกประชุมตำรวจล่าคนร้าย
ต่อมาเวลา 13.00 น. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภ.1 เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าการสืบสวนจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุชิงเงินจากรถขนเงิน ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.ท.วินัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ตำรวจชุดสืบสวนภาค 1 ร่วมกับสืบสวนจังหวัด และท้องที่ สภ.พระอินทร์ราชา บางปะอิน และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้ง สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เร่งสืบสวนหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของรถ ซึ่งได้เชิญตัวนายฐากร สูงสุดปัญญา อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 117 /7 ม. 10 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี มาสอบสวน
ซึ่งนายฐากร ยืนยันว่า เป็นคนที่ขับรถคันดังกล่าว ส่วนเจ้าของรถคือ น.ส.ณัฐพร พี่สาว โดยก่อนเกิดเหตุตนขับรถมาล้างรถที่ปั๊มน้ำมัน เวลาก่อน 12.00 น.โดยในช่วงเวลา 12.00 น.พบว่าคนร้ายได้แต่งเติมใบรับรถไปรับรถออกไปจากปั๊มน้ำมัน จากนั้นเวลา 14.00 น.เศษ เจ้าของรถกลับเข้ามาขอรับรถปรากฎว่ารถหายไปแล้ว เวลา 15.00 น. จึงไปแจ้งความที่ สภ.คลองหลวง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนายฐากร จึงได้ให้ท้องที่ สภ.บางบัวทอง ไปติดตามประวัติของเจ้าของรถด้วย ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบรถที่ใช้ก่อเหตุได้มีการเก็บลายนิ้วมือแฝงไปตรวจสอบด้วย
