xs
xsm
sm
md
lg

การค้าชายแดน “ช่องจอม” เพิ่มต่อเนื่อง คาดสิ้นปีทะลุ 1,000 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การค้าชายแดนผ่านด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด  อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพิ่มสูงต่อเนื่อง เผย  6 เดือนแรกมีมูลค่ากว่า 500 ล้าน เพิ่มขึ้น กว่า 50 % คาดสิ้นปีทะลุ 1,000 ล้านบาท วันนี้ ( 11 ก.ย.)
สุรินทร์ - การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา “ด่านช่องจอม” จ.สุรินทร์ เพิ่มสูงต่อเนื่อง เผย 6 เดือนแรกมีมูลค่ากว่า 500 ล้าน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมากว่า 50% คาดสิ้นปีทะลุ 1,000 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เปิดด่านแห่งนี้มา เหตุสถานการณ์ชายแดนสงบ และ จนท.ระดับท้องถิ่น 2 ประเทศมีความเข้าใจกัน

วันนี้ (11 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ มีมูลค่าเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศกัมพูชาที่ยังคงมีความต้องการสินค้าด้านพลังงานเชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง และเครื่องดื่มอีกจำนวนมาก ขณะที่การค้าขายบริเวณชายแดนภายในตลาดการค้าชายแดนช่องจอมฝั่งไทย ที่ ต.ด่าน อ.กาบเชิง ก็คึกคักเช่นกัน โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวและซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคกันเป็นจำนวนมาก

นายสิทธิพร บางแก้ว พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าชายแดนผ่านด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ระหว่างไทยกับกัมพูชาในปี 2555 นี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่ดี ล่าสุดจากรายงานข้อมูล 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 2555) พบว่ามีมูลค่าการค้ากว่า 500 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ที่ผ่านมามีมูลค่าการค้า 218 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 50% สะท้อนให้เห็นแนวโน้มการค้าขายที่ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ดดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีมูลค่าการค้าขายรวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการทำสถิติมูลค่าการค้าสูงสุดตั้งแต่ทั้ง 2 ประเทศได้ทำการเปิดด่านผ่านแดนถาวรแห่งนี้มา

ทั้งนี้ สินค้าของไทยที่ส่งออกและเป็นที่ต้องการของประเทศกัมพูชาส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง เครื่องดื่ม และเครื่องอุปโภค-บริโภค เป็นหลัก ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากกัมพูชา ส่วนมากเป็นรถจักรยานมือสอง, เสื้อผ้ามือสอง และ เร็วนี้ๆ มีการนำเข้ามันสำปะหลังเส้น ซึ่งเป็นไปตามกรอบของการค้าของประเทศสมาชิกอาเซียน

นายสิทธิพรกล่าวต่อว่า สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้การค้าชายแดนด้านด่านผ่านแดนถาวรช่องจอมเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลมาจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่สงบลงและเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากการที่เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทั้ง 2 ประเทศได้มีการประชุมหารือในการอำนวยความสะดวกและลดปัญหาอุปสรรคทางด้านการค้า รวมทั้งมีความเห็นที่ตรงกันในด้านการดำเนินการอำนวยความสะดวกในด้านการค้าให้มากที่สุด ส่วนปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นหากสามารถแก้ไขได้ในระดับท้องถิ่นก็จะร่วมมือกันแก้ไข ส่วนที่เป็นระดับรัฐบาลจะส่งไปยังส่วนกลางของแต่ละประเทศพิจารณาดำเนินการต่อไป

“จากการที่มีความเข้าใจกัน จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้มูลค่าการค้าขายที่ด่านถาวรช่องจอมเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา ที่สำคัญเร็วๆ นี้ ในปี 2558 จะมีการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนขึ้น จึงทำให้การค้าขายระหว่างทั้ง 2 ประเทศดีขึ้นตามลำดับด้วย” นายสิทธิพรกล่าว







กำลังโหลดความคิดเห็น