สุรินทร์ - ผอ.โรงพยาบาลกาบเชิง ชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ ยืนยันยังไม่พบชาวกัมพูชาป่วย “โรคมือ เท้า ปาก” รุนแรงติดเชื้อ “เอนเทอโรไวรัส 71” เข้ามารักษา ระบุชาวเขมรติดค้างค่ารักษาพยาบาลอื้อนับ 10 ล้าน ขณะด่านถาวร “ช่องจอม” ปชช. 2 ประเทศยังเข้า-ออกท่องเที่ยวค้าขายตามปกติ ด้าน สสจ.สุรินทร์สั่งเฝ้าระวังป้องกันเข้มงวด
วันนี้ (10 ก.ค.) พ.ต.นพ.ศตวรรษ สินประสิทธิ์กุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ใกล้ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด อ.กาบเชิง เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีเด็กชาวกัมพูชาป่วยและเสียชีวิตในประเทศกัมพูชาจำนวน 59 คน และองค์การอนามัยโลกระบุว่าเกิดจากการติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ซึ่งเป็นสาเหตุเกิดโรคมือ เท้า และปาก (Hand, Foot and Mouth Disease) อย่างรุนแรง อยู่ในประเทศกัมพูชาในขณะนี้นั้น
โรงพยาบาลกาบเชิงได้รับทราบปัญหาการติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ในเด็กชาวกัมพูชามาเป็นระยะเวลา 3 เดือนแล้ว โดยได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับแพทย์จาก จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา เพื่อเฝ้าระวังโรคอย่างต่อเนื่อง และในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ก็ได้มีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แต่ในขณะนี้ยังไม่พบมีเด็กชาวกัมพูชาติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 เข้ามารักษาที่โรงพยาบาลกาบเชิงแต่อย่างใด
พ.ต.นพ.ศตวรรษกล่าวต่อว่า ประชาชนชาวกัมพูชาที่มารับการรักษาในช่วงนี้ ส่วนมากจะเป็นโรคประจำถิ่นเช่นเดียวกับบ้านเรา เช่น ท้องร่วง วัณโรค และไข้หวัด ซึ่งเข้ามารักษาเฉลี่ยต่อวัน 8-10 คน
โรงพยาบาลได้ทำการตรวจรักษาอย่างเต็มที่เท่าเทียมกับประชาชนชาวไทยตามหลักการเพื่อมนุษยธรรม ทำให้ทางโรงพยาบาลต้องแบกรับภาระค่ารักษาพยาบาลชาวกัมพูชาตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมารวมนับ 10 ล้านบาท โดยเฉพาะชาวกัมพูชาที่เข้ามารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในจะมีค่าใช้จ่าย 3,000-4,000 บาท แต่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้เพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งของการรักษาเท่านั้น
“ส่งผลให้โรงพยาบาลกาบเชิงรับภาระค่าใช้จ่ายให้ชาวกัมพูชาเป็นจำนวนมาก ทั้งที่งบประมาณส่วนนี้ควรจะได้นำมาใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพให้ประชาชนไทย ซึ่งทุกครั้งที่มีการประชุมร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา พอมีการเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็มักจะมีการพูดตัดบทว่า บรรยากาศดีแล้ว อย่าทำลายบรรยากาศ ทำให้โรงพยาบาลกาบเชิงต้องแบกภาระนี้ไว้จนถึงทุกวันนี้” พ.ต.นพ.ศตวรรษกล่าว
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของโรงพยาบาลกาบเชิงตั้งแต่เดือน ม.ค.-9 ก.ค. ปีนี้ พบว่ามีผู้ป่วยโรคมือ เท้า และปากเปื่อย เข้ารับการรักษาจำนวน 28 ราย ทั้งหมดเป็นคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ อ.กาบเชิง ซึ่งเป็นการติดเชื้อโรคมือ เท้า ปากเปื่อยที่ไม่รุนแรง เหมือนเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ที่ระบาดในเด็กประเทศกัมพูชาอยู่ในขณะนี้ และยังไม่พบมีผู้เสียชีวิตโดยเกิดขึ้นในโรงเรียนและศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็ก ซึ่งได้สั่งปิดโรงเรียนเพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค และเปิดเรียนเป็นปกติทั้งหมดแล้ว พ.ต.นพ.ศตวรรษกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในขณะเดียวกัน ที่บริเวณชายแดนด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ประชาชนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและกัมพูชายังเดินทางผ่านแดนไปมาหาสู่กันเพื่อการท่องเที่ยว และค้าขายตามปกติ โดยทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ได้สั่งการให้สาธารณสุขอำเภอกาบเชิงร่วมมือกับโรงพยาบาลกาบเชิง ติดตามและเฝ้าระวังโรคมือ เท้า และปากระบาดในเด็กกัมพูชาอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการระบาดเข้ามาในเขตประเทศไทย