แพร่ - สะพัด! ผู้นำชุมชนบ้านสันกลาง เมืองแพร่ เรียกชาวบ้านที่เข้าชื่อขอแยกบริหารน้ำประปา หลังไม่จ่ายเงินทำบุญให้วัด จนถูกตัดมาตรวัดน้ำเข้าคุยเรียงตัว บอกลูกบ้านไม่ควรฝ่าฝืนกฎหมู่บ้าน สร้างความเสื่อมเสียให้ส่วนรวม ขณะที่การสอบสวนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเงียบเป็นเป่าสาก มีแต่องค์กรเอกชนเฝ้าระวัง หวั่นเกิดเหตุรุนแรงเพิ่ม
ในขณะที่ชาวบ้านสันกลาง หมู่ 9 ต.ป่าแดง อ.เมืองแพร่ ประมาณ 30 หลังคาเรือนที่เข้าชื่อขอแยกการบริหารจัดการน้ำประปา ให้ อบต.ป่าแดงเข้ามาดูแลแทนกรรมการในหมู่บ้าน เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากคำสั่งตัดมาตรวัดน้ำ เพราะไม่สามารถหาเงินไปจ่ายค่าทำบุญให้กับวัดสันกลาง จำนวน 2,000 บาท/หลังคาเรือน ตามมติประชาคมหมู่บ้านได้ กำลังรอคอยการแก้ปัญหาจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องนั้น
ล่าสุด นายคฑาวุธ กุนันต์ กำนันตำบลป่าแดง ได้นำรายชื่อของชาวบ้านจำนวน 30 รายที่เข้าชื่อส่งถึงนายก อบต.ป่าแดง มาเพื่อทำการเรียกมาสอบสวนรายตัว และกล่าวโทษ ทั้งแกนนำและผู้ที่เข้าชื่อขอบริหารจัดการน้ำเองว่า เป็นผู้กระทำผิดระเบียบ สร้างความเสื่อมเสียให้กับหมู่บ้านโดยจะมีการฟ้องร้องทุกคน เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยต่อกฎระเบียบของหมู่บ้าน และเริ่มกลัวว่าตนเองจะไม่ปลอดภัยเนื่องจากมีการข่มขู่
นายคฑาวุธกล่าวว่า ตนเองไม่ได้เป็นผู้ที่ดำเนินการโดยตรง เป็นเรื่องของกรรมการหมู่บ้านที่ดูแลการใช้น้ำ และการสมทบทุนสร้างวัดสันกลาง หลังคาเรือนละ 2,000 บาท ก็เป็นมติของประชาคมหมู่บ้าน กำนันทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมเท่านั้น ซึ่งถ้าใครไม่ทำตามมติก็จะถูกลงโทษตัดน้ำประปาหรือสาธารณูปโภคอื่นๆ
เมื่อถูกตัดน้ำประปาไปแล้วก็จะมีระเบียบประปามาบังคับอีก คือ การถูกตัดน้ำ มิเตอร์จะตกเป็นของหมู่บ้าน และถ้าจะต่อใหม่ ต้องมีค่าปรับอีก 2,000 บาท ซึ่งถ้านำมาจ่ายให้คณะกรรมการฯ ก็จะได้รับการต่อน้ำ
กำนันคฑาวุธกล่าวต่อว่า การฝ่าฝืนกฎหมู่บ้าน ชาวบ้านไม่ควรกระทำ และถือว่าเป็นการทำให้หมู่บ้านเสียชื่อเสียง
และจนถึงวันนี้ (31 ส.ค.) ครอบครัวที่ถูกตัดน้ำยังคงต้องรอคอยการตัดสินใจช่วยเหลือจากทางจังหวัดแพร่ เช่น นางจารุณี ศรีสันต์ หนึ่งในผู้ที่ถูกตัดน้ำเป็นมาแล้วร่วม 2 สัปดาห์ ส่งผลกระทบต่ออาชีพเลี้ยงสุกรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจต้องเลิกอาชีพนี้ถ้าไม่มีการต่อน้ำมาให้ใช้ตามปกติ
ส่วนการทำบุญนั้น นางจารุณียืนยันว่า ไม่ดำเนินการแน่ เพราะการทำบุญที่ถูกบังคับจะไม่ทำโดยเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แม้ปัญหายังคงคุกรุ่นรุนแรงอยู่ในหมู่บ้านสันกลาง แต่การสอบสวนของจังหวัดฯ ที่ชาวบ้านได้ทำเรื่องร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม และนายเกษม วัฒนธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ สั่งสอบสวนข้อเท็จจริงใน 7 วัน เริ่มจากวันที่ 23 ส.ค. 55 นั้น จนถึงขณะนี้ ก็ยังคงไม่มีความคืบหน้าใดๆ ออกมา มีเพียงองค์กรเอกชนด้านสิทธิประชาชน ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกล้า จ.แพร่ ที่เข้าไปดูแลเฝ้าระวังไม่ให้สถานการณ์ในชุมชนรุนแรงไปกว่านี้
