แพร่ - ชาวบ้านสันกลาง เมืองแพร่ที่ถูกตัดน้ำประปาหลังไม่มีเงินจ่ายค่าทำบุญวัดตามมติประชาคม ต้องหาน้ำอุปโภค บริโภคเอง 13 วันแล้ว ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัดยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือใดๆ ออกมา ขณะที่พระนักอนุรักษ์ชี้ชุมชนถูกเผด็จการครอบงำหนัก ใช้โอกาสที่ชาวบ้านควรได้รับต่อรองเอาผลประโยชน์เข้าตัว ทั้งบีบให้เลือกนักการเมืองในกลุ่มแลกทำโฉนดชุมชนต่อ ใช้กฎหมู่ดื้อแพ่งอำนาจรัฐไม่ยอมจ่ายค่าเช่าให้ธนารักษ์
รายงานข่าวจากจังหวัดแพร่แจ้งว่า หลังเกิดปัญหาชาวบ้านสันกลาง หมู่ 9 ต.ป่าแดง อ.เมืองแพร่ ถูกกรรมการหมู่บ้าน ผู้นำชุมชนตัดน้ำประปาอย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากไม่จ่ายเงินทำบุญจำนวน 2,000 บาทต่อหลังคาเรือน ร้องเรียนไปยังศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง และศูนย์ดำรงธรรม จ.แพร่ จนขณะนี้นายเกษม วัฒนธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. 55 ที่ผ่านมา ว่ามีการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานกรณีการเก็บเงินทำบุญวัดโดยใช้มติประชาคม ถ้ามีการฝ่าฝืนมีมาตรการตัดน้ำประปา ตัดเงินฌาปนกิจศพ
ล่าสุดวันนี้ (29 ส.ค.) สถานการณ์ในหมู่บ้านเริ่มตึงเครียดมากขึ้น โดยชาวบ้านมีการแบ่งแยกออกเป็น 2 ฝ่าย กลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มบริหารที่ยังคงเชื่อมั่นในหลักการทำประชาคม ขณะที่ประชาชนกลุ่มหนึ่งมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิของตนเอง การไม่ได้ใช้น้ำเพราะกรรมการหมู่บ้านตัดน้ำเนื่องจากไม่จ่ายเงินทำบุญให้วัดถือเป็นความไม่ถูกต้อง ชาวบ้านที่ถูกตัดน้ำต้องทนใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีน้ำประปาใช้มาถึง 13 วันแล้ว ทางจังหวัดก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ ในการช่วยเหลือชาวบ้าน
พระยงยุทธ ทีปโก พระนักพัฒนาเครือข่ายพระสงฆ์เพื่อการพัฒนาภาคเหนือ เจ้าอาวาสวัดปางงุ้น ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ กล่าวว่า การทำงานหมู่บ้านแห่งนี้เป็นเครือข่ายปฏิรูปที่ดินหรือโฉนดชุมชน ความขัดแย้งเกิดจากกรรมการสร้างระเบียบและเอาผลประโยชน์มาต่อรองกับชาวบ้าน เช่น ถ้าไม่เลือกนักการเมืองในกลุ่มก็จะหยุดการทำโฉนดชุมชน เป็นต้น มีเงื่อนไขบนโอกาสของประชาชนที่เหมือนมัดมือชก เรื่องนี้เครือข่ายปฏิรูปที่ดินรับทราบหรือไม่ โดยเฉพาะจังหวัดฯ ที่มีกระบวนการพัฒนาภาคประชาชนอย่างสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) เป็นพี่เลี้ยง น่าจะมีการหยิบยกปัญหามาพูดคุยหาทางออก พอช.ควรเป็นตัวหลักในการพัฒนาผู้นำ
“ที่ผ่านมากรรมการหมู่บ้านมองว่าออกกฎแล้วชาวบ้านต้องปฏิบัติตาม แต่ทำไมดื้อแพ่งกับอำนาจรัในการไม่จ่ายเงินค่าเช่าให้กับสำนักงานธนารักษ์ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะต้องเป็นเรื่องผิดปกติในสภาวะของความเป็นผู้นำ ความเป็นเผด็จการกำลังครอบงำหนักมาก”
นายอำนวย พลหล้า อดีตสมาชิกสภาพัฒนาการเมือง จ.แพร่ เปิดเผยว่า แม้ว่าข่าวดังกล่าวจะดังอยู่ในสังคมอย่างต่อเนื่อง แต่กระบวนการในจังหวัดแพร่ยังไม่ออกมาเคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่หมู่บ้านดังกล่าวอยู่ในกระบวนการเคลื่อนไหวการทำโฉนดชุมชน ปัญหานี้พอเข้าใจได้ว่าในกระบวนการทำงานระดับจังหวัดนั้นยังไม่มีความพร้อมและความเข้าใจที่จะออกมาร่วมแก้ไขสถานการณ์ในทางที่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง จ.แพร่ กำลังทำหน้าที่ในการสอบถามติดตามการทำงานของศูนย์ดำรงธรรมอยู่ ในกรณีที่กระทำการอย่างไม่เป็นธรรมละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ซึ่งศูนย์ได้ส่งทีมงานเข้าฟังการประชุมของชุมชนนี้โดยละเอียด และจะทำสรุปเพื่อนำข้อมูลไปสู่การแก้ไขระยะยาวต่อไปแล้ว
