ระยอง - พบสารตะกั่วในเลือดของเด็กนักเรียนในพื้นที่ อ.บ้านค่ายอีกจำนวนมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบหาสาเหตุ และแหล่งที่มา หากพบจากโรงงานพร้อมสั่งปิดทันที
วันนี้ (28 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ลงพื้นที่สุ่มตรวจหาสารปนเปื้อนในนักเรียนจำนวน 42 รายในพื้นที่ อ.บ้านค่าย รวม 5 โรงเรียน พบสารตะกั่วในเลือดของนักเรียน ร.ร.วัดปทุมาวาส 34 ราย โรงเรียนวัดหนองกรับ 2 ราย โรงเรียนบ้านหนองฆ้อ 3 ราย โรงเรียนบ้านคลองขนุน 2 ราย และโรงเรียนบ้านมาบป่าหวาย 1 ราย ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันเดียวกันนี้ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ระยอง พร้อมด้วยนายแพทย์กฤษณ์ ปาลสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง เดินทางมาร่วมงานโครงการจังหวัดพบประชาชนที่วัดหนองกะบอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง โดยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง เปิดเผยเรื่องนี้ว่า ทางคณะสาธารณสุขศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตได้สุ่มตรวจไปทั้งหมด 907 ราย เมื่อเดือนมิถุนายน 2554 พบมีสารปนเปื้อนในเลือด 82 ราย สุ่มตรวจจาก 22 โรงเรียน พบใน 15 โรงเรียน ของ อ.ปลวกแดง อ.นิคมพัฒนา อ.บ้านฉาง และ อ.บ้านค่าย ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่มีสารปนเปื้อนในเลือดของนักเรียนวัดปทุมาวาส มากที่สุดมี 2 ราย มีค่าปนเปื้อนสูงและจึงได้ตรวจซ้ำครั้งที่ 2 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ค่าสารปนเปื้อนนั้นลดลงและมีการตรวจเลือดผู้ปกครองนักเรียนซึ่งไม่เกินค่ามาตรฐาน เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบอุปกรณ์ใส่น้ำดื่มที่บ้าน พบภาชนะที่ใช้หุงต้มประกอบอาหารมีลักษณะใช้งานมานาน และมีแผ่นโลหะ หรือแผ่นตะกั่วแปะทับชำรุด จึงแนะนำให้เปลี่ยน และได้ให้คำแนะนำแก่ชาวบ้าน
นายแพทย์กฤษณ์ กล่าวว่า นักเรียนโรงเรียนวัดปทุมาวาสที่สุ่มตรวจพบมีสารตะกั่วปนเปื้อนมาก จากการเข้าไปตรวจสอบจากภาชนะที่ใช้ใส่อาหารมีความปกติ ส่วนโรงเรียนอื่นๆ ตรวจจากน้ำดื่ม และอุปกรณ์ก็ปกติ จึงได้เก็บตัวอย่างจากน้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน น้ำคลอง และคุณภาพอากาศซึ่งทางกรมควบคุมมลพิษได้เก็บตัวอย่างไปตรวจสอบซึ่งจะทราบผลในเดือนกันยายนนี้
ส่วนสาเหตุที่คาดว่าอาจจะเกิดจากโรงงานหรือไม่ ยังไม่มีหลักฐาน หรือเกิดจากที่บ้านนักเรียนก็อาจเป็นไปได้ เพราะมีสิ่งบอกเหตุบางอย่าง แต่ขณะนี้ สถานการณ์ดีขึ้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ให้คำแนะนำชาวบ้าน และในโรงเรียน พร้อมแนะนำให้แก้ไขในบางสิ่งที่คาดว่าน่าจะเกิดจากสารตะกั่วเข้ามาปนเปื้อน เช่น เปลี่ยนภาชนะหุงต้มที่เก่า หรือใช้แผ่นตะกั่วมาติดอุดรอยรั่ว เครื่องกรองน้ำที่มีรอยบัดกรี สิ่งเหล่านี้ที่อาจจะส่งผลให้สารตะกั่วปนเปื้อนมากับน้ำได้
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยองเสริมอีกว่า สารตะกั่วเป็นพิษจะพบได้บ่อยที่สุดในบรรดาโรคที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม มักจะเกิดในเด็กอายุตั้งแต่ 6 ขวบขึ้นไปโดยมากมักเกิดในเด็กที่พ่อแม่มีฐานะไม่ดี โดยได้สารนี้จากเศษสีที่หล่น หรือจากอากาศ น้ำ หรืออาหาร อาการเป็นพิษจะเกิดเมื่อมีการสะสมของตะกั่วในร่างกายสูงพอ สารตะกั่วจะมีผลเสียต่อสมอง และการติดต่อของเซลล์ประสาท โดยสารตะกั่วจะไปจับกับเซลล์แทนที่แคลเซียม พบว่าหากมีสารตะกั่วในเลือดเพิ่มขึ้นทุก 10 mcg/dLจะทำให้ IQ ลดลง 1-3 จุด ผลต่อเม็ดเลือดแดงจะทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายเป็นโรคโลหิตจาง และมีผลต่อการทำงานของไต ผลต่อการตั้งครรภ์ และทารก
สารตะกั่วสามารถก่อปัญหาให้แก่ทารกในครรภ์หากมีสารตะกั่วเป็นปริมาณมากอาจจะทำให้เกิดแท้ง คลอดก่อนกำหนด เด็กที่เกิดมาจะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ การทำงานของสมองจะพัฒนาช้า ปัญญาอ่อน ชัก
ด้านนายบัณฑิต ธงศเจริญ อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง กล่าวว่า ต้องสืบหาต้นตอตั้งแต่ปลายเหตุไปจนถึงต้นเหตุว่าเด็กนั้นอุปโภคบริโภคอะไร เพราะสารตะกั่วนั้นมาจากหลายสาเหตุมาก อย่ามุ่งเน้นไปที่โรงงานอย่างเดียว ให้ดูสภาพแวดล้อมต่างๆ แล้วนำมาตรวจสอบหาข้อสรุป ซึ่งสาธารณสุขนั้นจะมีข้อมูลในด้านนี้ และอุตสาหกรรมจังหวัดจะเข้าไปตรวจสอบด้วย เพื่อหาต้นตอสารตะกั่วที่เข้ามาปนเปื้อนในเลือดของเด็ก ถ้าเป็นโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ อ.บ้านค่าย ทางอุตสาหกรรมนั้นสามารถตรวจสอบได้ และจะดำเนินตามมาตรการขั้นเด็ดขาดถึงขั้นปิดโรงงาน
นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ระยอง กล่าวว่า ทางคณะสาธารณสุขศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เข้ามาสุ่มตรวจในพื้นที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นโครงการของจังหวัด และรัฐบาล เรื่องความปลอดภัย มาตรวจหาสารปนเปื้อนโดยรอบโรงงานว่าชาวบ้านมีผลกระทบหรือไม่ จากการสุ่มตัวอย่าง ปรากฏว่ามีสารตะกั่วตกค้างอยู่ในน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภคอยู่บ้าง ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชนที่อยากให้ทางภาครัฐเข้ามาดูแล
จากการสุ่มตรวจในครั้งนี้ พบสารตะกั่วในเลือดของเด็กนักเรียนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ซึ่งทางโรงเรียนก็จัดการป้องกัน และดูแลให้การแนะนำในการใช้น้ำที่มีความสะอาดในการอุปโภคบริโภค จังหวัดระยองจะตั้งคณะกรรมการเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงหากมีข้อมูลตรวจพบโรงงานไหนทำไม่ถูกต้อง หรือไม่ทำตามกฏหมาย อุตสาหกรรมจังหวัดต้องเสนอเรื่องนี้ให้ทางจังหวัดทราบเพื่อจะได้ใช้กฎหมายของฝ่ายปกครองด้วยการสั่งปิดโรงงาน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเหตุผล และข้อเท็จจริง
“ทางจังหวัดมีแผนอยู่แล้วว่าโรงงานที่เข้ามาประกอบกิจการนั้นจะต้องมีระบบติดตั้งบ่อบำบัดน้ำเสียให้ดีก่อนจะปล่อยน้ำออกไป เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเหตุผลข้อเท็จจริงของอุตสาหกรรมจังหวัด สาเหตุที่เกิดจากเครื่องจักร หรือเกิดจากคน เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น สาธารณสุขต้องเข้ามาดูแล และนำข้อมูลส่งให้อุตสาหกรรมจังหวัด และส่งต่อให้จังหวัดเพื่อดำเนินการตามมาตรการฝ่ายปกครองต่อไป” นายเสนีย์กล่าว
ด้านนายเทียนชัย ทรงบัณฑิต ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านมาบป่าหวาย กล่าวว่า นักเรียนที่มีสารปนเปื้อนในเลือดนั้น ได้ตรวจสอบ และสอบถามเด็ก ซึ่งเด็กนักเรียนนั้นมีบ้านพักอยู่ใกล้พื้นที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ในสวนอุตสาหกรรมแห่งนี้มีหลายบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ และมีเรื่องร้องเรียนอยู่เป็นประจำ และคาดว่าเด็กนักเรียนนั้นได้รับผลกระทบจากโรงงานแห่งนี้แน่นอน ซึ่งข้อมูลนั้นไม่ได้ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนนั้น เพราะในพื้นที่ อ.บ้านค่าย จะเกิดอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ใน ต.หนองบัว อ.บ้านค่ายแห่งนี้ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อนักลงทุนที่จะมาลงทุนสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้
วันนี้ (28 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ลงพื้นที่สุ่มตรวจหาสารปนเปื้อนในนักเรียนจำนวน 42 รายในพื้นที่ อ.บ้านค่าย รวม 5 โรงเรียน พบสารตะกั่วในเลือดของนักเรียน ร.ร.วัดปทุมาวาส 34 ราย โรงเรียนวัดหนองกรับ 2 ราย โรงเรียนบ้านหนองฆ้อ 3 ราย โรงเรียนบ้านคลองขนุน 2 ราย และโรงเรียนบ้านมาบป่าหวาย 1 ราย ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันเดียวกันนี้ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ระยอง พร้อมด้วยนายแพทย์กฤษณ์ ปาลสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง เดินทางมาร่วมงานโครงการจังหวัดพบประชาชนที่วัดหนองกะบอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง โดยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง เปิดเผยเรื่องนี้ว่า ทางคณะสาธารณสุขศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตได้สุ่มตรวจไปทั้งหมด 907 ราย เมื่อเดือนมิถุนายน 2554 พบมีสารปนเปื้อนในเลือด 82 ราย สุ่มตรวจจาก 22 โรงเรียน พบใน 15 โรงเรียน ของ อ.ปลวกแดง อ.นิคมพัฒนา อ.บ้านฉาง และ อ.บ้านค่าย ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่มีสารปนเปื้อนในเลือดของนักเรียนวัดปทุมาวาส มากที่สุดมี 2 ราย มีค่าปนเปื้อนสูงและจึงได้ตรวจซ้ำครั้งที่ 2 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ค่าสารปนเปื้อนนั้นลดลงและมีการตรวจเลือดผู้ปกครองนักเรียนซึ่งไม่เกินค่ามาตรฐาน เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบอุปกรณ์ใส่น้ำดื่มที่บ้าน พบภาชนะที่ใช้หุงต้มประกอบอาหารมีลักษณะใช้งานมานาน และมีแผ่นโลหะ หรือแผ่นตะกั่วแปะทับชำรุด จึงแนะนำให้เปลี่ยน และได้ให้คำแนะนำแก่ชาวบ้าน
นายแพทย์กฤษณ์ กล่าวว่า นักเรียนโรงเรียนวัดปทุมาวาสที่สุ่มตรวจพบมีสารตะกั่วปนเปื้อนมาก จากการเข้าไปตรวจสอบจากภาชนะที่ใช้ใส่อาหารมีความปกติ ส่วนโรงเรียนอื่นๆ ตรวจจากน้ำดื่ม และอุปกรณ์ก็ปกติ จึงได้เก็บตัวอย่างจากน้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน น้ำคลอง และคุณภาพอากาศซึ่งทางกรมควบคุมมลพิษได้เก็บตัวอย่างไปตรวจสอบซึ่งจะทราบผลในเดือนกันยายนนี้
ส่วนสาเหตุที่คาดว่าอาจจะเกิดจากโรงงานหรือไม่ ยังไม่มีหลักฐาน หรือเกิดจากที่บ้านนักเรียนก็อาจเป็นไปได้ เพราะมีสิ่งบอกเหตุบางอย่าง แต่ขณะนี้ สถานการณ์ดีขึ้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ให้คำแนะนำชาวบ้าน และในโรงเรียน พร้อมแนะนำให้แก้ไขในบางสิ่งที่คาดว่าน่าจะเกิดจากสารตะกั่วเข้ามาปนเปื้อน เช่น เปลี่ยนภาชนะหุงต้มที่เก่า หรือใช้แผ่นตะกั่วมาติดอุดรอยรั่ว เครื่องกรองน้ำที่มีรอยบัดกรี สิ่งเหล่านี้ที่อาจจะส่งผลให้สารตะกั่วปนเปื้อนมากับน้ำได้
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยองเสริมอีกว่า สารตะกั่วเป็นพิษจะพบได้บ่อยที่สุดในบรรดาโรคที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม มักจะเกิดในเด็กอายุตั้งแต่ 6 ขวบขึ้นไปโดยมากมักเกิดในเด็กที่พ่อแม่มีฐานะไม่ดี โดยได้สารนี้จากเศษสีที่หล่น หรือจากอากาศ น้ำ หรืออาหาร อาการเป็นพิษจะเกิดเมื่อมีการสะสมของตะกั่วในร่างกายสูงพอ สารตะกั่วจะมีผลเสียต่อสมอง และการติดต่อของเซลล์ประสาท โดยสารตะกั่วจะไปจับกับเซลล์แทนที่แคลเซียม พบว่าหากมีสารตะกั่วในเลือดเพิ่มขึ้นทุก 10 mcg/dLจะทำให้ IQ ลดลง 1-3 จุด ผลต่อเม็ดเลือดแดงจะทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายเป็นโรคโลหิตจาง และมีผลต่อการทำงานของไต ผลต่อการตั้งครรภ์ และทารก
สารตะกั่วสามารถก่อปัญหาให้แก่ทารกในครรภ์หากมีสารตะกั่วเป็นปริมาณมากอาจจะทำให้เกิดแท้ง คลอดก่อนกำหนด เด็กที่เกิดมาจะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ การทำงานของสมองจะพัฒนาช้า ปัญญาอ่อน ชัก
ด้านนายบัณฑิต ธงศเจริญ อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง กล่าวว่า ต้องสืบหาต้นตอตั้งแต่ปลายเหตุไปจนถึงต้นเหตุว่าเด็กนั้นอุปโภคบริโภคอะไร เพราะสารตะกั่วนั้นมาจากหลายสาเหตุมาก อย่ามุ่งเน้นไปที่โรงงานอย่างเดียว ให้ดูสภาพแวดล้อมต่างๆ แล้วนำมาตรวจสอบหาข้อสรุป ซึ่งสาธารณสุขนั้นจะมีข้อมูลในด้านนี้ และอุตสาหกรรมจังหวัดจะเข้าไปตรวจสอบด้วย เพื่อหาต้นตอสารตะกั่วที่เข้ามาปนเปื้อนในเลือดของเด็ก ถ้าเป็นโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ อ.บ้านค่าย ทางอุตสาหกรรมนั้นสามารถตรวจสอบได้ และจะดำเนินตามมาตรการขั้นเด็ดขาดถึงขั้นปิดโรงงาน
นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ระยอง กล่าวว่า ทางคณะสาธารณสุขศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เข้ามาสุ่มตรวจในพื้นที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นโครงการของจังหวัด และรัฐบาล เรื่องความปลอดภัย มาตรวจหาสารปนเปื้อนโดยรอบโรงงานว่าชาวบ้านมีผลกระทบหรือไม่ จากการสุ่มตัวอย่าง ปรากฏว่ามีสารตะกั่วตกค้างอยู่ในน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภคอยู่บ้าง ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชนที่อยากให้ทางภาครัฐเข้ามาดูแล
จากการสุ่มตรวจในครั้งนี้ พบสารตะกั่วในเลือดของเด็กนักเรียนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ซึ่งทางโรงเรียนก็จัดการป้องกัน และดูแลให้การแนะนำในการใช้น้ำที่มีความสะอาดในการอุปโภคบริโภค จังหวัดระยองจะตั้งคณะกรรมการเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงหากมีข้อมูลตรวจพบโรงงานไหนทำไม่ถูกต้อง หรือไม่ทำตามกฏหมาย อุตสาหกรรมจังหวัดต้องเสนอเรื่องนี้ให้ทางจังหวัดทราบเพื่อจะได้ใช้กฎหมายของฝ่ายปกครองด้วยการสั่งปิดโรงงาน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเหตุผล และข้อเท็จจริง
“ทางจังหวัดมีแผนอยู่แล้วว่าโรงงานที่เข้ามาประกอบกิจการนั้นจะต้องมีระบบติดตั้งบ่อบำบัดน้ำเสียให้ดีก่อนจะปล่อยน้ำออกไป เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเหตุผลข้อเท็จจริงของอุตสาหกรรมจังหวัด สาเหตุที่เกิดจากเครื่องจักร หรือเกิดจากคน เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น สาธารณสุขต้องเข้ามาดูแล และนำข้อมูลส่งให้อุตสาหกรรมจังหวัด และส่งต่อให้จังหวัดเพื่อดำเนินการตามมาตรการฝ่ายปกครองต่อไป” นายเสนีย์กล่าว
ด้านนายเทียนชัย ทรงบัณฑิต ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านมาบป่าหวาย กล่าวว่า นักเรียนที่มีสารปนเปื้อนในเลือดนั้น ได้ตรวจสอบ และสอบถามเด็ก ซึ่งเด็กนักเรียนนั้นมีบ้านพักอยู่ใกล้พื้นที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ในสวนอุตสาหกรรมแห่งนี้มีหลายบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ และมีเรื่องร้องเรียนอยู่เป็นประจำ และคาดว่าเด็กนักเรียนนั้นได้รับผลกระทบจากโรงงานแห่งนี้แน่นอน ซึ่งข้อมูลนั้นไม่ได้ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนนั้น เพราะในพื้นที่ อ.บ้านค่าย จะเกิดอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ใน ต.หนองบัว อ.บ้านค่ายแห่งนี้ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อนักลงทุนที่จะมาลงทุนสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้
