xs
xsm
sm
md
lg

ครูสาวทวง “ควายเผือกบุญมา” บริจาคให้ ม.ราชภัฏอุตรดิตถ์กลับมีข่าวถูกเชือดแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อุตรดิตถ์ - ครูจ้างสอนมหาวิทยาลัยราชภัฏเมืองลับแล หลานสาวนายก อบจ.อุตรดิตถ์ ตามทวง “ควายเผือกบุญมา” หลังร่วมกับเพื่อนนำไปบริจาคให้มหาวิทยาลัยฯ ก่อนส่งต่อให้ “ศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย” ดูแล แต่กลับมีข่าวแพร่สะพัดในโลกออนไลน์ แถมชาวบ้านแจ้งซ้ำ “บุญมา” ถูกเชือดแล้ว จี้มหาวิทยาลัยฯ คืนควายมีชีวิต พร้อมยุบศูนย์ฯ ทิ้ง

น.ส.นันทวรรณ เทพรักษา อาจารย์อัตราจ้างสอน คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ หลานสาวของนายชัยศิริ ศุภรักษ์จินดา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 55 ตนพร้อมกับเพื่อนที่ทำงานอยู่ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 4 คน ได้ร่วมกันนำควายเผือกเพศผู้ชื่อ “บุญมา” ที่มีลักษณะสีขาวแปลกจากควายทั่วไปที่มีสีดำ ไปบริจาคศูนย์อนุรักษ์กระบือไทยของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ที่เกิดขึ้นเพื่อการเรียนรู้สำหรับนักศึกษาและประชาชนทั่วไป ซึ่งนายสิทธิชัย หาญสมบัติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เป็นผู้ออกหนังสือรับมอบให้ และมหาวิทยาลัยฯ มอบให้ นายวิรัตน์ จำนงรัตน์พัน ผู้ช่วยอธิการบดี เป็นผู้รับผิดชอบศูนย์ดังกล่าว

น.ส.นันทวรรณกล่าวว่า หลังจากมอบควายบุญมาให้กมหาวิทยาลัยฯ ไปแล้วก็หมดห่วง แต่เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค. 55 คิดถึงและอยากเห็น จึงติดต่อไปที่ศูนย์ฯ ก็ได้รับทราบว่าควายบุญมาถูกเลี้ยงอย่างดีอยู่กับฝูงในศูนย์ฯ ที่มีราว 100 ตัว กระทั่งวันที่ 10 ส.ค. 55 ตัดสินใจเดินทางไปที่ศูนย์ฯ แต่ไม่พบควายบุญมาอยู่รวมกับฝูงตามที่ได้รับแจ้ง จึงติดต่อไปที่นายวิรัตน์หลายครั้งพร้อมนัดว่าจะพาไปดูควายบุญมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจอทั้งนายวิรัตน์ และควายบุญมา

“วันที่ 11 ส.ค.มีชาวบ้านโทรศัพท์มาแจ้งว่าควายบุญมาไม่ได้ถูกเลี้ยงอยู่ที่ศูนย์ฯ แล้ว และตอนนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน จนวันที่ 15 ส.ค.ไปยื่นหนังสือต่อนายสิทธิชัย หาญสมบัติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ เพื่อขอคำชี้แจงและยืนยันว่าจะขอควายบุญมาคืนจากศูนย์ฯ แต่วันที่ 18 สิงหาฯ ศูนย์ฯ ติดต่อมาว่าจะขอชดใช้เงินคืนให้กับเจ้าของที่นำมาบริจาค จึงปฏิเสธไปเพราะเรื่องเงินไม่สำคัญ แต่สำคัญอยู่ที่ควายมากกว่า อีกทั้งเมื่อเพื่อนที่ร่วมกันนำควายบุญมาไปบริจาคติดต่อไปที่ศูนย์ฯ กลับได้รับคำตอบทำนองข่มขู่กลับมา”

น.ส.นันทวรรณกล่าวว่า จนถึงวันนี้ทั้งอธิการบดี และศูนย์ฯ ก็ยังคงเงียบอยู่ กำลังปรึกษากับนักกฎหมายเพื่อดำเนินการต่อผู้เกี่ยวข้องทุกคน หากทางมหาวิทยาลัยฯ ต้องการยุติเรื่องนี้ต้องออกมาพูดความจริงว่าควายบุญมาอยู่ที่ไหน เพราะเท่าที่ทราบ ควายบุญมาถูกเชือดไปแล้ว พร้อมทั้งให้มหาวิทยาลัยฯ ยกเลิกศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย

“จนถึงวันนี้แล้วไม่กลัวว่าจะต้องให้ออกจากงาน เพราะถือว่ากำลังมีปัญหากับผู้บังคับบัญชา แต่ที่ทำไปก็เพื่อความถูกต้อง”

เธอย้ำอีกว่า มหาวิทยาลัยฯ ซึ่งเป็นสถานศึกษาเรื่องแบบนี้ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ เพราะสถานศึกษาต้องมีความโปร่งใส ตั้งแต่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมามีแต่คนเป็นห่วงความปลอดภัย เพราะทำให้มหาวิทยาลัยฯ เสียหาย เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเว็บไซต์พันทิปนำไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์ จนมีผู้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงความไม่เหมาะสมของมหาวิทยาลัยฯ

สำหรับควายบุญมาตัวดังกล่าว เมื่อปี 2552 น.ส.นันทวรรณ ซึ่งทำงานอยู่ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลับมาเยี่ยมครอบครัวที่ชุมชนท่าเสา เขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ มาพบควายบุญมาด้วยความบังเอิญ ขณะเจ้าของนำขึ้นรถบรรทุกจาก จ.แพร่นำไปขายที่ตลาดนัดวัวควายน้ำอ่าง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ เธอเห็นว่าเป็นควายเผือกจึงติดต่อขอซื้อมาในราคา 8,000 บาท ซึ่งตอนนั้นอายุเพียง 1 ปี และเลี้ยงไว้ราว 3 ปีก็นำไปบริจาคมหาวิทยาลัยฯ เพื่อให้เลี้ยงดู

ด้านนายวิรัตน์ จำนงรัตน์พัน ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ผู้รับผิดชอบศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ กล่าวว่า น.ส.นันทวรรณ ได้นำ “ควายบุญมา” มามอบแก่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์จริงโดยไม่มีเงื่อนไขอะไร และถือว่าเป็นสมบัติของมหาวิทยาลัยฯ จึงนำไปเลี้ยงที่ศูนย์มหาวิทยาลัยฯ ทุ่งกะโล่ ต.ป่าเซ่า อ.เมืองอุตรดิตถ์ รวมกับฝูงในศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย ซึ่งตั้งแต่นำมาเลี้ยงต้องจ้างคนงานเลี้ยงพิเศษเพราะเป็นควายที่ไม่ธรรมดา ชอบหลุดไปขวิดตัวอื่น

นายวิรัตน์กล่าวว่า คนเลี้ยงมาบอกว่าจะนำควายบุญมาไปแลกกับควายชาวบ้าน กระทั่งต่อมาชาวบ้านนำควายตัวเมีย 2 ตัวมาแลกควายบุญมาไป แต่ไม่ทราบว่าแลกกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทราบเพียงว่าถูกแลกไปแล้ว เมื่อมีการแลกกันไปแล้วในฐานะที่รับผิดชอบศูนย์ฯ จะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้เรื่อง แต่ต่อมาเจ้าของที่นำมามอบให้มหาวิทยาลัยฯ แจ้งว่าอยากเห็นควายและอยากได้ควายบุญมาคืน จึงติดตามตามสถานที่ซื้อขายต่างๆ ก็ตามไม่เจอ และล่าสุดไม่รู้ว่าควายบุญมาอยู่ที่ไหนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ กำลังเสนอเรื่องมอบให้งานนิติการทำการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น