xs
xsm
sm
md
lg

คนรักรถเชียงรายรวมตัวเรียกร้องจัดการ “ไลก์ดะ” มือตัดต่อภาพ “พ่อขุนฯ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย - กลุ่มคนรักรถเมืองพ่อขุนฯ รวมตัวหน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช เรียกร้องจัดการ “ไลก์ดะ” มือตัดต่อภาพพระหัตถ์ซ้ายโพสต์ใน Facebook

วันนี้ (22 ส.ค.) กลุ่มคนรักรถเชียงราย นำโดยนายอดุลย์ เตชะปิตุ รองประธานกลุ่มฯ ได้นำบรรดาชาวรักรถนำรถของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจักรยานยนต์ที่สวยงามประมาณ 30 คัน พร้อมมวลชน เดินทางไปชุมนุมแสดงพลังที่บริเวณลานอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช อ.เมือง จ.เชียงราย เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อบุคคลที่ได้มีการนำภาพองค์อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราชไปตัดต่อตรงพระหัตถ์ซ้าย เป็นรูปมือสัญลักษณ์ของเฟซบุ๊ก พร้อมยังระบุหรือโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมลงไปอีกด้วย

โดยกลุ่มคนรักรถเชียงรายได้นำป้ายไปแสดงระบุข้อความต่อว่าผู้ที่ทำแฟนเพจในเว็บไซต์เฟซบุ๊กชื่อว่า “ไลก์ดะ” (http://www.facebook.com/likedha) และประณามการกระทำ รวมทั้งให้ออกมาขอขมาด้วย

จากนั้นได้มีการยื่นหนังสือต่อนายมงคล สิทธิหล่อ วัฒนธรรม จ.เชียงราย และนายสนั่น เนตรสุวรรณ ประธานสภาวัฒนธรรม จ.เชียงราย ซึ่งมีเนื้อหาว่า ตามที่เจ้าของไอดี “ไลก์ดะ” บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ Facebook มีการใช้โปรแกรมตัดต่อภาพ ตัดแต่งพระหัตถ์ด้านซ้ายขององค์พ่อขุนเม็งรายมหาราชจนทำให้ภาพผิดเพี้ยน และมีการเรียกขานพระนามอย่างไม่เหมาะสม ถือเป็นการหมิ่นพระเกียรติ ทำให้ชาวเชียงราย และประชาชนทั่วไปเกิดความไม่พอใจรุมประณามผู้ใช้ไอดีดังกล่าวไปแล้วนั้น จึงเรียกร้องให้วัฒนธรรม จ.เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามสืบสวนแหล่งที่มาของผู้กระทำการดังกล่าวมาดำเนินคดีให้ได้ เพื่อพระเกียรติและศักดิ์ศรีของพ่อขุนเม็งรายมหาราช ผู้ก่อตั้งเมืองเชียงราย

นายอดุลย์กล่าวว่า การที่มีบุคคลไปกระทำการดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสม และไม่ถูกต้อง เพราะชาวเชียงรายเทิดทูน เคารพสักการะพ่อขุนเม็งรายมหาราชเป็นอย่างมาก ดังนั้น เมื่อมีคนกระทำเช่นนี้จึงต้องมีการออกมาแสดงพลังเพื่อให้เห็นว่าคนเชียงรายคิดเห็นกันอย่างไร จะได้ไม่มีคนทำผิดซ้ำซากเช่นนี้อีกต่อไป

ด้านนายมงคล และนายสนั่น ได้รับหนังสือเรียกร้อง พร้อมระบุว่า หลังจากมีกระแสออกมาต่อต้านการกระทำดังกล่าว ทางราชการก็ได้พยายามติดตามตรวจสอบผู้ที่กระทำการ ปรากฏว่าในที่สุดแล้วก็ได้มีการปิดข้อความ และภาพของตัวเองไปแล้ว แต่ได้ไปโผล่ที่เว็บไซต์ของกลุ่มอื่นอีก แต่เป็นในรูปแบบอื่น และอาจจะขยายวงไปเรื่อยๆ ทำให้หน่วยงานราชการต้องติดตามเพื่อสืบหาแหล่งและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในโลกสังคมออนไลน์มีความรวดเร็วและหลากหลาย ดังนั้นจึงขอร้องไม่ให้บุคคลใดกระทำการดังกล่าวซึ่งอ่อนไหวต่อความรู้สึกประชาชน และไม่ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย

ขณะเดียวกัน ทางวัฒนธรรมจังหวัดฯ ก็มีแผนจะนัดสื่อมวลชนไปร่วมประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกันต่อไปในเร็ววันนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น