ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผวจ.เชียงใหม่ร่วมลงนามกับกลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิงย่าน ถ.อัษฎาธร ตั้งเป้าสร้างย่านสถานบันเทิงสีขาว ปิดตามเวลา-ไม่มีเด็กเข้า-ไม่มียาเสพติด-ไม่ส่งเสียงรบกวน พร้อมลงพื้นที่ติดตามงาน กอ.รมน.เดินหน้าจัดระเบียบ 2 ชุมชนหลังพบแรงงานต่างด้าวยึดพื้นที่ เผยเดินหน้า “รื้อถอน-แผ้วถาง” พร้อมดำเนินการจริงจังหากสร้างปัญหาสังคม
วันนี้ (22 ส.ค.) หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางมายังโครงการจริงใจมาร์เก็ต จ.เชียงใหม่ เพื่อลงนามในปฏิญญา (MOU) ในโครงการ “ย่านสีขาวจริงใจ” กับกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าและสถานบันเทิงที่ตั้งอยู่ภายในโครงการจริงใจมาร์เก็ต โดยมีปลัดจังหวัด นายอำเภอเมือง พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งตัวแทนจากร้านค้าและสถานบันเทิงต่างๆ เข้าร่วม
การร่วมกันลงนามระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มผู้ประกอบการตามโครงการดังกล่าวในครั้งนี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการจริงใจมาร์เก็ตซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ และผู้ประกอบการทั้งหมดที่ต้องการจะจัดระเบียบร้านค้ากลางคืนในย่านดังกล่าว โดยในการลงนามปฏิญญาร่วมกันของทั้งสองฝ่ายในครั้งนี้ได้ทำข้อตกลงรวม 4 ข้อ คือ การปิดร้านค้าตามกำหนดเวลา การไม่ให้บริการแก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี การกำหนดเป็นเขตต้องห้ามสำหรับผู้ที่พกอาวุธและนำยาเสพติดเข้าในสถานประกอบการ และการไม่สร้างมลภาวะทางเสียงที่รบกวนชุมชนในละแวกใกล้เคียง
การลงนามในปฏิญญาดังกล่าวถือเป็นความพยายามของหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดระเบียบธุรกิจกลางคืนในย่าน ถ.อัษฎาธร ซึ่งถือเป็นจุดหนึ่งในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ที่มีสถานบันเทิงตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก และที่ผ่านมามีการร้องเรียนถึงผลกระทบจากการเปิดให้บริการของสถานบันเทิงเหล่านี้ในหลายประเด็น เช่นเดียวกับจุดอื่นๆ อย่างเช่น ถ.นิมมานเหมินทร์ ถ.ลอยเคราะห์ ถ.ช้างม่อย ย่านสันติธรรม หรือย่านตลาดบุญอยู่ ที่ต่างประสบปัญหาในลักษณะเดียวกันจาปริมาณของสถานบันเทิงที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในพื้นที่
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ให้ข้อคิดเห็นต่อผู้บริการโครงการจริงใจมาร์เก็ต และตัวแทนจากร้านค้าและสถานบันเทิง โดยระบุว่าต้องการเห็นทุกฝ่ายให้ความสำคัญและร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติจามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเป็นตัวอย่างที่ดีต่อพื้นที่อื่นๆ รวมทั้งกำชับให้ตัวแทนจากร้านค้าและสถานบันเทิงรายงานมายังตนเองได้ทันทีหากพบว่าปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ์อย่างถูกต้องแล้ว แต่มีการกลั่นแกล้งหรือเรียกรับสินบนจากผู้ปฏิบัติงาน
ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดยังได้รับฟังการบรรยายสรุปและลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จ.เชียงใหม่ ในการจัดระเบียบพื้นที่ชุมชนศรีมงคล ต.ป่าตัน และชุมชนป่าแพ่ง ต.ช้างม่อย ตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพื้นที่ทั้ง 2 จุดเป็นชุมชนที่อยู่ในย่าน ถ.อัษฎาธร และที่ผ่านมาประสบปัญหาหลายประการ ทั้งการรุกล้ำพื้นที่สาธารณะของประชาชนและคนต่างด้าว การออกเร่ขายแรงงานของคนต่างด้าว การลักลอบค้ายาเสพติดและก่ออาชญากรรม การตั้งสถานบันเทิง และการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยอย่างผิดกฎหมาย
โดย พ.อ.อัครวัฒน์ วุฒิเดชโชติโภคิน รองผู้อำนวยการ กอ.รมน.จ.เชียงใหม่ ระบุว่า จากการเข้าตรวจสอบในพื้นที่ทั้ง 2 จุด พบว่ามีการก่อสร้างบ้านเรือน ทั้งของคนไทยและคนต่างด้าวอย่างผิดกฎหมาย รวมทั้งมีการรุกล้ำพื้นที่สาธารณะด้วยการสร้างบ้านพักคร่อมลำน้ำสาธารณะ ขณะที่พื้นที่รกร้างหลายจุดพบว่ามีการเข้าไปใช้พื้นที่ในการเสพยาเสพติด โดยพบอุปกรณ์อย่างกระป๋องกาว และเข็มฉีดยาในพื้นที่ นอกจากนี้ในบริเวณอื่นๆ ใกล้เคียงยังมีการตั้งร้านคาราโอเกะที่ให้บริการกลุ่มคนต่างด้าว รวมทั้งยังมีรายงานเรื่องการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในบริเวณใกล้กับวัดป่าแพ่งอีกด้วย
พ.อ.อัครวัฒน์ชี้แจงว่า ขณะนี้ กอ.รมน.ได้เข้าดำเนินการในหลายด้าน ได้แก่ การประสานไปยังเจ้าของพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวให้เข้าปรับปรุงพื้นที่ของตนในจุดที่รกร้างให้สะอาดเรียบร้อย รวมทั้งเข้าทำการแผ้วถางและรื้อถอนบ้านเรือนในจุดที่ไม่มีผู้แอยู่อาศัยหรือเป็นที่อาศัยของคนต่างด้าวที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย พร้อมกันนี้ยังเตรียมที่จะเข้ารื้อถอนและแผ้วถางในบริเวณอื่นๆ ต่อไป รวมทั้งจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดระเบียบชุมชนในพื้นที่ ทั้งการโยกย้ายคนไทยออกจากจุดที่รุกล้ำพื้นที่สาธารณะและการดำเนินการกับคนต่างด้าวที่ลำลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมายต่อไป
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัญหาแรงงานต่างด้าวนับวันจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และนำมาซึ่งปัญหาอื่นๆ ที่ตามมาอีกหลายประการ ดังนั้น หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะต้องช่วยกันดูแลและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยจะมีการกำหนดกรอบเวลาและขั้นตอนว่าจะดำเนินการในเรื่องใดบ้างตามลำดับความสำคัญ
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน กอ.รมน.ได้เริ่มเข้าทำการจัดระเบียบ แผ้วถางและรื้อถอนสิ่งปลุกสร้างในพื้นที่บางส่วนแล้ว ซึ่งหากพบว่าผู้ที่รุกล้ำพื้นที่สาธารณะเป็นคนไทย ก็จะมีการให้กรอบเวลาเพื่อให้สามารถย้ายไปอยู่ที่อื่นได้ ส่วนกรณีของคนต่างด้าวนั้น หากพบว่าการเข้ามาอยู่ในประเทศได้สร้างปัญหาอื่นๆ อย่างอาชญากรรมหรือยาเสพติดก็จะต้องมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาด