สุรินทร์ - ฮือฮา! เมืองช้างพบแม่เฒ่า “ผมสังกะตัง” ยาวกว่า 1.50 เมตร ระบุภาษาเขมรท้องถิ่นเรียก “เซาะจักสวาฮอม” หรือ “นางผมหอม” เผยเป็นผมศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อมาแต่โบราณ เจ้าตัวต้องดูแลให้ดี พร้อมรักษาศีล 5 ไม่ให้ชายแตะต้องจับผม และห้ามตัดผมเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะเจ็บป่วยหรือเป็นบ้า ชี้หากใครได้บูชาจะเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง และครอบครัว
วันนี้ (22 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ได้รับแจ้งว่า พบหญิงสูงอายุคนหนึ่งมีผมพันกันจับตัวเป็นก้อนยาวไม่สามารถแกะสางออกหรือหวีผมได้ และเป็นที่สนใจแก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบหญิงสูงอายุคนดังกล่าวที่บ้านเลขที่ 82 ม.8 บ.ภูมิขนุน ต.ดม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ทราบชื่อภายหลังคือ คุณยายทองใส สมทอง อายุ 73 ปี พบว่าคุณยายมีผมที่จับตัวพันกันเป็นก้อน หรือเป็นสังกะตัง ไม่สามารถสางหรือหวีออกจากกันได้ มีความยาวกว่า 1.50 เมตร
ทั้งนี้จากการสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านรวมทั้งตัวคุณยาย ทราบว่าผมลักษณะดังกล่าวชาว จ.สุรินทร์ที่พูดภาษาเขมรท้องถิ่นเรียกว่า “เซาะจักสวาฮอม” หรือ “นางผมหอม” หรือที่คนไทยเรียกกันว่า “ผมสังกะตัง” นั่นเอง ซึ่งผมลักษณะดังกล่าวน้อยคนนักที่จะเป็น โดยคนไทยเชื้อสายเขมรในพื้นที่เชื่อกันมานานตั้งแต่โบราณว่า ผมลักษณะดังกล่าวเป็นผมศักดิ์สิทธิ์ หากใครเป็นแล้วต้องดูแลรักษาให้ดี รวมทั้งต้องรักษาศีล 5 ข้อด้วย และหากใครตัดผมออกคนคนนั้นก็จะเจ็บไข้ได้ป่วยหรือต้องเป็นบ้าสติไม่ดีไปเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังห้ามตัดผม ต้องปล่อยให้ผมขาดหลุดไปเองตามธรรมชาติ และหากใครได้ผมดังกล่าวไปบูชาก็จะเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว
คุณยายทองใส สมทองเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเริ่มมีผมเป็นก้อนดังกล่าวตั้งแต่อายุประมาณ 40 กว่าปี ซึ่งก่อนที่จะเริ่มมีผมพันกันได้ฝันว่าได้เดินไปที่เนินดินแห่งหนึ่ง ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีดอกไม้สวยงามเต็มไปหมดและพบกับดอกบัวขนาดใหญ่ จึงเดินลงไปนั่งอยู่บนดอกบัว จากนั้นทั้งเกสรดอกบัวก็หุบและตกลงมาใส่ตนเต็มไปหมด หลังจากที่ฝันตนก็เริ่มสังเกตเห็นผมมีขนาดเป็นก้อนเล็กๆ ก็พยายามแกะออก ใช้เวลาแกะถึง 3 วัน 3 คืนก็ยังไม่สามารถแกะออกได้ จากนั้นผมก็เริ่มจับตัวกันเป็นก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ต่อมาได้ทำพิธีเข้าทรงทางไสยศาสตร์ดู ก็ทราบว่าตนได้ถูกกำหนดให้มีผมหอม จนต้องปล่อยให้ผมจับตัวกันเป็นก้อนใหญ่และยาวขึ้นมาจนถึงปัจจุบันผ่านมา 20 กว่าปีแล้ว และต้องรักษาศีล 5 และศีล 8 ข้อ นั่งสมาธิสวดมนต์ในทุกวันพระด้วย และห้ามผู้ชายแตะต้องจับผม ส่วนผู้หญิงจับได้แต่ต้องขออนุญาต รวมทั้งห้ามดื่มเหล้า อีกทั้งยังห้ามตัดผมด้วย หากผิดข้อห้าม ดังกล่าวตนก็จะเจ็บไข้ได้ป่วยทันที
“ที่ผ่านมาผมได้ขาดหลุดร่วงไปเองจำนวน 2 ครั้ง ยาวประมาณ 1 ฝ่ามือ ซึ่งลูกหลานได้นำไปบูชาไว้ที่บ้านเขาเพื่อเป็นสิริมงคลแล้ว ส่วนเวลาสระผมก็สระ 3 วันครั้ง สระเฉพาะผมที่ไม่ได้พันกันบริเวณโคนผมและรอบศีรษะ ส่วนผมสังกะตังนานๆ จะสระทีเพราะจะแห้งช้า ขณะที่ช่วงเวลาออกไปไหนมาไหนก็ต้องเอาผมม้วนพันรอบหัวแล้วใช้กิ๊บหรือปิ่นปักไว้” คุณยายทองใสกล่าว
ด้าน นางจารุณี พานิกุล รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดม กล่าวว่า เท่าที่ตนเห็นมาคนที่ตัดก็จะเป็นบ้า เป็นไข้ไม่สบาย ที่ผ่านมาเคยเห็นอยู่ 1 คน คือชาวบ้านภูมิสวาย ม.7 ต.ดม ที่ตัดผมออกเพราะรำคาญ จากนั้นก็เป็นบ้า ป้ำๆ เป๋อๆ ไปเลย ซึ่งความเชื่อของชาวบ้านในท้องถิ่นเชื่อว่าคนที่มีผมแบบนี้จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง และให้ใครมาตัดไปบูชาก็ไม่ได้ ต้องรอให้หลุดร่วงเอง
