xs
xsm
sm
md
lg

ผบช.ภ.7 นำทีมสืบสวนคุม 2 คนร้ายปล้นร้านทองทับสะแก 2 โจรยอมรับสารภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครปฐม - ตำรวจภาค 7 คุม 2 ผู้ต้องหาขับรถ จยย.4 สุบบุกปล้นร้านทองทับสะแก ประจวบคีรีขันธ์ แถลงข่าวหลังก่อเหตุแล้วหลบหนีกบดานยาวกว่า 2 เดือนก่อนถูกจับกุม ด้านผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุปล้นร้านทองจริงและยังได้เคยก่อเหตุมาแล้วในพื้นที่ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี

เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (20 ส.ค.) พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พร้อม พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ พล.ต.ต.สมบูรณ ฮวบบางยาง พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.วิเชียร ตันติวิริยะ ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม 2 คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีบีอาร์ 400 ซุปเปอร์โฟร์ สีดำแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บุกปล้นชิงทองร้านทองงามศิลป์ 2 ริมถนนสุขาภิบาล ในเขตเทศบาลอำเภอทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ทองคำน้ำหนักกว่า 200 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท หลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเวลา 15.20 น.วันที่ 27 มิ.ย.55 ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า ในการจับกุมดังกล่าวย้อนกลับไปเมื่อเวลา 15.18 น.วันที่ 27 มิ.ย.55 ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายชาย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์แบบซุปเปอร์โฟร์ ขนาด 400 ซีซี สีดำแดง สวมหมวกกันน๊อคและถุงมือนิรภัยนำอาวุธปืนแบบลูกซอง 1 กระบอก และปิน เสต๊นท์ มาร์ค ทู 1 กระบอก เข้าชิงทองคำน้ำหนักกว่า 200 บาทมูลค่ากว่า 5 ล้านบาทภายในร้านทองงามศิลป์ 2 ม.4 ในตลาดเทศบาลทับสะแก ต.ทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และหลบหนีไปกระทั่ง พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัติ รอง ผบ.ตร.ได้สั่งการให้มีการตั้งชุดคลี่คลายคดีโดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบก.สส.ภ.7 ประสานกับ พล.ต.ต.วิเชียร ตันติวิริยะ ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ

ต่อมาวันที่ 8 ก.ค.55 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามรถจักรยานยนต์ของกลางยี่ห้อฮอนด้าซุปเปอร์โฟร์ สีดำแดง ขนาด 400 ซีซี ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งได้ทำการขูดลบเลขตัวถัง รวมถึงเลขเครื่องยนต์ โดยเหลือตัวอักษรและตัวเลขเพียงบางส่วนที่สามารถบันทึกได้คือ NEC-23 E จำนวน 1 คัน ที่ถูกนำมาซุกซ่อนภายในบริษัทอุดมชัยแพลน บ้านคอกม้า ม.8 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงได้ทำการตรวจสอบเอกสารของรถ จยย.ที่สามารถยึดมาได้ และทำการตรวจสอบลายนิ้วมือ และหลักฐานต่างๆ ตามประบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงนำผลมาสู่การขออนุมัติหมายจับกุมจากศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ออกหมายจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายสาธิต หรือ ไม้พรหมแก้ว อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.1 ต.ท่าหิน อ.สวี จ.ชุมพร ตามหมายจับกุมเลขที่ 422/2555 ลงวันที่ 3 ส.ค.2555 และนายอำพล หรืออั๋น นามกร อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/2 ม.2 ต.ทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร ตามหมายจับกุมเลขที่ 485/2555 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2555 ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่นโดยมีและใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำความผิด หรือพาทัรพย์นั้นไปและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาย่อมเล็งเห็นผล

ด้าน พล.ต.ต.วิเชียร ตันติวิริยะ ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ส.ค.55 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 7 ได้ทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่ห้องพักเลขที่ 404 ชั้น 4 ห้องเช่าชาลี เรสซิเด็นท์ เลขที่ 364/22 ซอยรามคำแหง 53 (ซอยสันประเสริฐ) แขวงพลับพลาเขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ จึงได้นำกำลังเข้าปิดล้อมจับกุม แต่ผู้ต้องหา 1 รายได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้รับบาดเจ็บ แต่สามารถหลบหนีไปได้ทั้ง 2 คน แต่เจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางเป็นเครื่องเป่าไฟหลอมโลหะจำนวน 2 ชุด แก๊สกระป๋อง 2 กระป๋อง มาตรวัด 1 อัน กระเป๋าสเสื้อผ่าขนาดต่างๆ 5 ใบ

จากนั้นวันที่ 19 ส.ค.55 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ไล่ล่ากดดันอย่างหนักและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 รายในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกซองยาว 12 นัด จำนวน 1 กระบอกยี่ห้อเรมิงตันไม่ปรากฏทะเบียน หมวกกันน๊อค 2 ใบที่ใช้ในการปล้น ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุและยังได้เคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าวในพื้นที่ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี มาด้วย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ตรวจสอบประวัติเพิ่มเติมอีกว่า นายสาธิต เคยถุกจับกุมในคดีลักทรัพย์ และถูกคุมขังในจังหวัดชุมพร เมื่อปี พ.ศ.2552 พ้นโทษเมื่อเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2554 ต่อมาได้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ที่ สภ.ปากน้ำหลังสวน จ.ชุมพร โดยมีหมายจับติดตัว เลขที่ 72/2555 ลงวันที่ 26 มิ.ย.55

ส่วนนายอำพล เคยถูกจำคุกในคดีลักทรัพย์ที่เรือนจำจังหวัดชุมพร เมื่อ พ.ศ.2551 และเพิ่งพ้นโทษเมื่อเดือน ธ.ค.2554 ที่ผ่านมา โดยระหว่างการแถงข่าว นายสาธิต ยังต้องถูกจับให้นั่งบนเก้าอี้เข็นเนื่องจากยังมีบาดแผลจากการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหลบหนีไปได้ในครั้งที่แรกบุกจับในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งหลังแถลงข่าวเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ จ.ประจวบคีรีขันธ์ทันที


กำลังโหลดความคิดเห็น