สระแก้ว - จังหวัดสระแก้ว จัดประชุมร่วมหน่วยงานระดับท้องถิ่นระหว่างไทย และกัมพูชา หวังพัฒนาความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ
วันนี้ (15 ส.ค.) นายพิษณุวัตร วรรธนะกุล นายอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ได้เป็นประธานการประชุมร่วมระดับท้องถิ่น ระหว่างหน่วยงานของไทย และกัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมอินโดจีน อำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยหน่วยงานฝ่ายไทย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ส่วนงานต่างๆ ของอำเภออรัญประเทศ ส่วนหน่วยงานท้องถิ่นกัมพูชา ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากอำเภอมาลัย ซึ่งมีนายแอม สุคา นายอำเภอมาลัย จ.บันเตียเมียนเจย นำหัวหน้าส่วนราชการทั้งฝ่ายปกครอง และทหารเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
สำหรับการประชุมร่วมไทย-กัมพูชาในระดับท้องถิ่น ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เนื่องจากที่ผ่านมา การดำเนินงานระดับท้องถิ่นเมื่อมีปัญหา ต้องเสนอเรื่องเข้าส่วนกลาง ทำให้เรื่องบางเรื่องยืดเยื้อ ทั้งที่หากมีการประชุมในระดับท้องถิ่นก็สามารถหาทางยุติปัญหาที่เกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ หัวข้อที่นำมาหารือในที่ประชุม ได้แก่ เรื่องการปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องมือทางการเกษตร รวมทั้งการค้ามนุษย์ แรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งในที่ประประชุมได้มีหน่วยราชการทั้งฝั่งไทย และกัมพูชา นำปัญหาต่างๆ เข้ามาพูดคุย ทำให้ทั้ง 2 ฝ่าย ได้รับรู้ถึงปัญหาต่างๆ อย่างแท้จริง และนำไปสู่แก้ปัญหา โดยเฉพาะเรื่องขบวนการขนแรงงานเถื่อน ซึ่งฝ่ายกัมพูชามีข้อมูลของขบวนการเหล่านี้อยู่ในมืออย่างครบถ้วนทุกแก๊ง
นายพิษณุวัตร วรรธนะกุล นายอำเภออรัญประเทศ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้นำเสนอปัญหาต่างๆ เข้าสู่ที่ประชุมเพื่อนำไปสู่การแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของอำเภออรัญประเทศ และอำเภอมาลัย ประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะการค้าขายตามแนวชายแดนในจุดผ่อนปรนบ้านหนองปรือ จะต้องให้เจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนดูแลเป็นพิเศษในเรื่องของผิดกฎหมาย และดูแลประชาชนตามแนวชายแดนเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รองรับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ด้านนายแอม สุคา กล่าวว่า ปัญหาที่ฝ่ายไทยนำเสนอนั้น กัมพูชาพร้อมปฏิบัติ ขณะที่ปัญหายาเสพติด ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลซึ่งพร้อมจะให้ความร่วมมืออยู่แล้ว ส่วนเรื่องแรงงานผิดกฎหมายของกัมพูชาที่ลักลอบเข้าไทยนั้น ขอให้ทางการไทยสกัดจับ และผลักดันกลับด้วยการส่งต่อให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชา โดยขอไม่ให้มีการทำร้ายรางกาย ซึ่งกัมพูชาก็พร้อมให้ความร่วมมือทุกประการ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ และต้องการให้ฝ่ายไทยจัดการประชุมเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน