พระนครศรีอยุธยา - สสจ.พระนครศรีอยุธยา เตือนประชาชนให้ระวังโรคปอดบวมช่วงหน้าฝน
วันนี้ (9 ส.ค.) นพ.สมพงษ์ บุญสืบชาติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ในขณะนี้ อาจส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยได้จากโรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคปอดบวมในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าห่วงใย ฝนที่กำลังตกชุกกว่าปกติในขณะนี้ ส่งผลให้อากาศมีความชื้นสูง ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงได้แก่ เด็ก และผู้สูงอายุ เจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจได้ง่าย โดยเฉพาะโรคปอดบวม ซึ่งมักพบมากในช่วงฤดูฝน โรคนี้เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของโรคติดเชื้อทั้งหมด โดยพบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
จากการเฝ้าระวังของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2555 พบว่า มีผู้ป่วยจำนวน 2,164 ราย มีผู้เสียชีวิต 223 ราย คิดเป็นอัตราการตายร้อยละ 28.31 ส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง นับว่าเป็นอีกโรคที่มีความรุนแรงสูง และเป็นโรคที่มากับฤดูฝนอีกโรคที่ต้องจับตามอง
โรคปอดบวมสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อหลายชนิด เช่น แบคทีเรีย และเชื้อไวรัส ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ไอมาก เจ็บหน้าอก หายใจหอบ มีเสมหะมาก ผู้ป่วยมักมีอาการนำของโรคไข้หวัดมาก่อนประมาณ 3 วัน วิธีสังเกตผู้ป่วยจะมีไข้สูง ไข้ไม่ลง ไอมาก หายใจหอบ น้ำมูกเปลี่ยนสีจากสีใสเป็นสีเขียวขุ่นข้น ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ปกครองสามารถสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณเตือนโรคปอดบวม ได้แก่ ไข้สูง เด็กมีอาการซึมลง ไม่กินน้ำกินนม ไอมีเสมหะ หายใจหอบเร็ว หรือหายใจมีเสียงดังหวีด หรือหายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการป้องกันไม่ให้ป่วยด้วยโรคปอดบวมประชาชนต้องหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่นอนในห้องปรับอากาศ ควรสวมเสื้อผ้าหลายชั้นให้ร่างกายอบอุ่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานผัก และผลไม้ให้มากขึ้น เพราะในผัก และผลไม้จะมีวิตามินซีสูง สามารถสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกายได้ ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการคลุกคลี และใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย ใช้ช้อนกลางทุกครั้งเมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่ผู้คนแออัด และหมั่นล้างมือบ่อยๆ
เด็ก และผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการป่วยด้วยโรคปอดบวม รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิต มะเร็ง ไตวาย เป็นต้น เนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ ดังนั้น หากมีกลุ่มคนดังกล่าวเจ็บป่วยด้วยโรคไข้หวัด หรือโรคไข้หวัดใหญ่ ครอบครัวต้องดูแลเป็นพิเศษ ควรแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเวลาไอ หรือจาม สวมหน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรคไปยังบุคคลอื่น เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมอีกทางหนึ่ง ที่สำคัญ ต้องล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังปิดปากเวลาไอจามทุกครั้งตามคำกล่าวที่ว่า “ไอจามปิดปาก สวมหน้ากากป้องกัน และขยันล้างมือ”
วันนี้ (9 ส.ค.) นพ.สมพงษ์ บุญสืบชาติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ในขณะนี้ อาจส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยได้จากโรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคปอดบวมในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าห่วงใย ฝนที่กำลังตกชุกกว่าปกติในขณะนี้ ส่งผลให้อากาศมีความชื้นสูง ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงได้แก่ เด็ก และผู้สูงอายุ เจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจได้ง่าย โดยเฉพาะโรคปอดบวม ซึ่งมักพบมากในช่วงฤดูฝน โรคนี้เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของโรคติดเชื้อทั้งหมด โดยพบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
จากการเฝ้าระวังของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2555 พบว่า มีผู้ป่วยจำนวน 2,164 ราย มีผู้เสียชีวิต 223 ราย คิดเป็นอัตราการตายร้อยละ 28.31 ส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง นับว่าเป็นอีกโรคที่มีความรุนแรงสูง และเป็นโรคที่มากับฤดูฝนอีกโรคที่ต้องจับตามอง
โรคปอดบวมสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อหลายชนิด เช่น แบคทีเรีย และเชื้อไวรัส ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ไอมาก เจ็บหน้าอก หายใจหอบ มีเสมหะมาก ผู้ป่วยมักมีอาการนำของโรคไข้หวัดมาก่อนประมาณ 3 วัน วิธีสังเกตผู้ป่วยจะมีไข้สูง ไข้ไม่ลง ไอมาก หายใจหอบ น้ำมูกเปลี่ยนสีจากสีใสเป็นสีเขียวขุ่นข้น ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ปกครองสามารถสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณเตือนโรคปอดบวม ได้แก่ ไข้สูง เด็กมีอาการซึมลง ไม่กินน้ำกินนม ไอมีเสมหะ หายใจหอบเร็ว หรือหายใจมีเสียงดังหวีด หรือหายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการป้องกันไม่ให้ป่วยด้วยโรคปอดบวมประชาชนต้องหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่นอนในห้องปรับอากาศ ควรสวมเสื้อผ้าหลายชั้นให้ร่างกายอบอุ่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานผัก และผลไม้ให้มากขึ้น เพราะในผัก และผลไม้จะมีวิตามินซีสูง สามารถสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกายได้ ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการคลุกคลี และใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย ใช้ช้อนกลางทุกครั้งเมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่ผู้คนแออัด และหมั่นล้างมือบ่อยๆ
เด็ก และผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการป่วยด้วยโรคปอดบวม รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิต มะเร็ง ไตวาย เป็นต้น เนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ ดังนั้น หากมีกลุ่มคนดังกล่าวเจ็บป่วยด้วยโรคไข้หวัด หรือโรคไข้หวัดใหญ่ ครอบครัวต้องดูแลเป็นพิเศษ ควรแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเวลาไอ หรือจาม สวมหน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรคไปยังบุคคลอื่น เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมอีกทางหนึ่ง ที่สำคัญ ต้องล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังปิดปากเวลาไอจามทุกครั้งตามคำกล่าวที่ว่า “ไอจามปิดปาก สวมหน้ากากป้องกัน และขยันล้างมือ”