ปรากฏการณ์กลุ่มคนเสื้อแดงในนาม นปช.แดงจังหวัดลำพูนจำนวนหนึ่ง สวมชุดแดงไปยกป้ายประท้วงที่หน้าศาลากลางจังหวัดลำพูนเมื่อ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา พร้อมยื่นหนังสือร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ส่อไปในทางช่วยเหลือผู้สมัคร อบจ. โดยอ้างว่าสำนักงานพัฒนาสังคมฯ ประจำจังหวัดได้นำเงินสงเคราะห์ไปช่วยเหลือคนยากจนและบุคคลไร้ที่พึ่ง ครอบครัวละ 1-2 พันบาทจำนวนมากส่อไปในทางช่วยเหลือผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน
ขณะที่ป้ายประท้วงบางป้ายเขียนว่า “เงินภาษีประชาชนเอาไปช่วยเบอร์ 2 โดยมี ส.ส.ลำพูนสนับสนุน” ซึ่งเวลานี้ลำพูนมี ส.ส.ได้ 2 คน เพิ่งเสียชีวิตไป 1 คนกำลังอยู่ระหว่างเลือกตั้งซ่อม ดังนั้น ส.ส.คนที่ถูกกล่าวถึงย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูนซึ่งเหลืออยู่เพียงคนเดียวในขณะนี้
เหตุการณ์แดงประท้วงแดงที่ลำพูนรอบนี้มีเบื้องหลังที่น่าสนใจ เพราะเกี่ยวข้องกับเจ้าแม่ใหญ่เมืองเหนือ เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ตัดสินใจสนับสนุนผู้สมัครนายก อบจ. เบอร์สอง คือ นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ ส่งผลให้เครือข่ายวังบัวบานตลอดถึงแกนนำ นปช. ตู่-เต้น ส.ส.พื้นที่อย่างสงวน พงษ์มณีและอำนาจรัฐแท็กทีมกันเทน้ำหนักไปยังผู้สมัครรายนี้ ทอดทิ้งผู้สมัครสีแดงอดีตนายก อบจ.อีกคนหนึ่ง คือ โกเก๊า-ประเสริฐ ภู่พิสิฐ ซึ่งแนบแน่นกับนักการเมืองไทยรักไทย-วังบัวบานมาโดยตลอดเช่นกันโดยไม่ใยดี
ลำพูนจะมีการเลือกตั้งนายก อบจ.คนใหม่ในวันเสาร์ที่ 11 สิงหาคมที่จะถึง ขณะนี้เหลือเวลาเพียงสัปดาห์สุดท้ายจึงเป็นช่วงที่แข่งขันดุเดือดระหว่างผู้สมัครทั้ง 3 รายที่ล้วนเป็นกลุ่มประกอบด้วย
เบอร์ 1 นายทรงชัย วงศ์สวัสดิ์ อดีตส.ส.ปชป.เขต 3 ลำพูน อดีตนายก อบจ. 2551 เพิ่งหมดวาระ
เบอร์ 2 นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ น้องชายมนตรี ด่านไพบูลย์ อดีต ส.ส.และรัฐมนตรีหลายกระทรวง
เบอร์ 3 นายประเสริฐ ภู่พิสิฐ อดีตประธานหอการค้า อดีตนายก อบจ.2547
จุดที่น่าสนใจคือ ลำพูนเป็นพื้นที่การเมืองผันผวนซึ่งประชาธิปัตย์สามารถแทรกเข้ามาได้บ่อยๆ กล่าวได้ว่าไม่ใช่พื้นที่ “แดงจัด” เหมือนจังหวัดภาคเหนือตอนบนอื่นๆ การแข่งขันครั้งนี้แม้ทรงชัย วงศ์สวัสดิ์-โกใหญ่ จะประกาศตัวไม่ใช่ ปชป. แต่ก็เคยสวมเสื้อ ปชป.มาก่อนอีกทั้งไม่ใช่แดงเพียงคนเดียว จุดแข็งคือเพิ่งจะหมดวาระลงและก็ไม่ใช่นักการเมืองโนเนม เคยลงเลือกตั้ง ส.ว. 2549 ก็ได้รับเลือก (ต่อมารัฐประหารจึงไม่ได้เป็น) มีฐานคะแนนเป็นของตนเอง
ขณะที่ผู้สมัครที่ประกาศตนเป็นสีแดงสองรายคือเบอร์ 2 โกรันด์-นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ ได้รับการโอบอุ้มจากสงวน พงษ์มณี ส.ส.เพื่อไทย ผูกประโยชน์ทางการเมืองติดกัน เพราะสงวนต้องการให้ลูกชายได้ตำแหน่งรองนายก อบจ. ปูฐานทางการเมืองเอาไว้ก่อน ต่อมาเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ไฟเขียวสนับสนุนขนาดส่งสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาร่วมงานเปิดตัวท้าชิงตำแหน่งเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา โดยดึงเอาตู่ จตุพรมาร่วมปราศรัย และเมื่อไม่กี่วันมานี้ เต้น-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อก็มาปราศรัยช่วย จึงกลายเป็นตัวเต็งที่ผงาดขึ้นมาในโค้งสุดท้าย
ส่วนผู้สมัครเบอร์ 3 โกเก๊า-ประเสริฐ ภู่พิสิฐ เป็นคหบดีเป็นประธานหอการค้า และเคยเป็นอดีตนายก อบจ.เมื่อ 8 ปีก่อน จุดแข็งคือเขาก็มีเครือข่ายทางการเมืองอยู่พอสมควรนอกเหนือจากฐานการเงินที่แน่นหนา จุดพลิกผันของผู้สมัครรายนี้คือ เดิมนั้น โกเก๊าได้รับแรงหนุนลับๆ จากผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองลำพูนอันดับหนึ่งคือ อนุสรณ์ วงศ์วรรณ อดีต ส.ส.และรัฐมนตรีหลายสมัย เป็นแม่ทัพภาคเหนือให้กับ พรรคพลังประชาชนยุคที่ต้องสู้กับ คมช. แต่ถูกแขวนจากที่เป็น กก.บห.พรรคพลังประชาชน
รายงานแจ้งว่า แรงหนุนดังกล่าวทำให้มีข่าวว่าเจ๊แดงเยาวภาต้องขอร้องพี่ชายยกหูจากดูไบต่อตรงมายังอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ให้เลิกหนุนโกเก๊า หันมาหนุนโกรันดร์ เพื่อความเป็นเอกภาพของพรรค ... จุดดังกล่าวนี้เองที่ทำให้คนสีแดงที่เคยหนุนช่วยขบวนการแดงมาตั้งแต่ครั้งพรรคพลังประชาชนดิ้นรนต่อสู้กับ คมช.ในยุคแรกถึงกับกระอัก
เท่านั้นยังไม่พอ ด้วยเหตุที่ว่า เจ๊แดงในฐานะเจ้าแม่ภาคเหนือยอมรับไม่ได้หากไม่สามารถปักธงนายกอบจ.ในสนามลำพูนซึ่งมีอิทธิพลของประชาธิปัตย์สูงสามารถแทรกเป็นยาดำได้บ่อยครั้ง จึงให้คนใกล้ชิดอย่าง บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ มาขับเคลื่อนการหาเสียง ไม่เพียงเท่านั้นยังมีกลไกราชการลงมาช่วยเต็มสูบที่กระซิบผ่านกำนันผู้ใหญ่บ้าน เรื่องแบบนี้ปิดกันไม่มิดเพราะกำนันที่ไม่เห็นด้วยกับการข่มเขาโคให้กินหญ้า รายงานแจ้งว่าถึงกับมีกำนันหัวแข็งคนหนึ่งลุกขึ้นยืนถามแสดงความไม่เห็นด้วยกับการบังคับหนุนแดงเส้นใหญ่
คนเสื้อแดงมีหลากหลาย กลุ่มที่อยู่ในมุ้งของโกรันดร์-นิรันดร์ ไปใช้ตลาดจตุจักรลำพูนซึ่งโกรันดร์เป็นเจ้าของจัดกิจกรรมก็มี แต่ทว่าแดงที่ได้รับการช่วยเหลือดูแลจากฝ่ายโกเก๊า-ประเสริฐ ก็รู้ดีว่าโกเก๊าเองก็ช่วยเหลือมวลชนไพร่แดงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เล่ากันว่า หากมวลชนแดงเดินไปขอความช่วยเหลือจากนักการเมืองกลุ่มที่ไม่ใช่ สงวน พงษ์มณี ก็มีโกเก๊านี่แหละที่ร่วมด้วยช่วยกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มเห็นความไม่เป็นธรรมจากกรณี “แดงเส้นใหญ่ไล่กระทืบแดงไร้เส้น”
ปรากฏการณ์แดงประท้วงการใช้เงินกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยอ้างว่าเป็นเงินสงเคราะห์ตามระเบียบ ซึ่งระเบียบดังกล่าวเปิดช่องให้กลไกพื้นที่ใช้ดุลพินิจจ่ายเงินให้กับผู้ประสบปัญหาสังคมกรณีฉุกเฉินคนละไม่เกิน 2 พันบาท เงินจำนวนนี้บางคนลงชื่อรับไป 2 พันแต่ถูกผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่บอกให้แบ่งกับผู้อื่นเป็นการกระจายกันไปในกลุ่ม
การจ่ายเงินจ่ายทองกรณี “สงเคราะห์เฉพาะกิจให้กับแดงที่หนุนผู้สมัครเส้นใหญ่” ทำให้แดงกลุ่มที่ไม่ได้เงินเริ่มมองเห็นความไม่เป็นธรรม สองมาตรฐานของ “แดงอำมาตย์เส้นใหญ่” กับ “แดงไพร่นอกวงไพบูลย์” อย่างชัดเจน และนี่จึงเป็นตัวการให้เกิดเหตุ “แดงประท้วงแดง” ขึ้นมาที่จังหวัดลำพูนในช่วงโค้งสุดท้าย 1 สัปดาห์ก่อนเลือกตั้ง