ชาวชายแดนสุรินทร์ผวา “เสือโคร่ง” เพ่นพ่านไร่นา-นายอำเภอสั่งเตือนระวัง

สุรินทร์ - ชาวบ้าน อ.บัวเชด เมืองช้าง ชายแดนไทย-กัมพูชา ผวาเสือโคร่งแม่ลูกอ่อนขนาดใหญ่เดินเพ่นพ่านตามไร่นา ด้านปลัดอำเภอ นำกำลัง อส. พร้อม ผญบ.รุดตรวจสอบเจออย่างจังทิ้งรอยเท้าไว้เกลื่อนทุ่งนา ขณะนายอำเภอบัวเชดสั่งผู้นำชุมชนประกาศให้ลูกบ้านระมัดระวังตัว หากต้องออกไปทำนา-กรีดยาง

วันนี้ (2 ส.ค.) นายจักรกฤษดิ์ ร่วมกูล ปลัดป้องกันอำเภอบัวเชด จ.สุรินทร์ นำกำลัง อส.อำเภอบัวเชด พร้อมด้วย นายกำพล มาลาล้ำ ผู้ใหญ่บ้านโคกหิน ม.10 ต.สะเดา อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ลงพื้นที่ทุ่งนาของ นายนันท์ พรหมอินทร์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 ม.10 บ.โคกหิน เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หลังจาก นายนันท์ ระบุว่า พบเสือแม่ลูกอ่อนเดินเพ่นพ่านกลางทุ่งนาของตัวเอง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านเพียง 800 เมตร

ทั้งนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงพื้นที่นาดังกล่าว ถึงกับตกตะลึงเมื่อพบว่า มีรอยเท้าคล้ายรอยเท้าเสือจำนวนมากภายในทุ่งนาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งรอยเท้าดังกล่าวมี 2 ขนาดเดินเคียงคู่กันไป ทั้งขนาดเล็ก และใหญ่ โดยรอยเท้าใหญ่มีขนาดเส้นผ้าศูนย์กลางประมาณ 8 เซนติเมตร (ซม.) ส่วนรอยเท้าเล็กมีขนาดประมาณ 4 ซม. มีลักษณะเป็นอุ้งเท้าคล้ายรอยเท้าเสืออย่างชัดเจน ซึ่งตรงกับการยืนยัน และคำบอกเล่าของชาวบ้านที่พบเห็นว่า เป็นเสือโคร่งลายพาดกลอนแม่ลูกอ่อน ตัวแม่สูงประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 2 เมตร ส่วนลูกเสือสูงประมาณ 50 ซม.ยาวประมาณ 2 ฟุต เดินเคียงคู่หยอกล้อกันเกลื่อนทุ่งนาดังกล่าว

นายนันท์ พรหมอินทร์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 ม.10 บ.โคกหิน กล่าวว่า วานนี้ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ตนได้เดินทางเพื่อไปหว่านปุ๋ยในนาข้าว ระหว่างนั้นได้เหลือบไปเห็นว่ามีสัตว์อะไรบางอย่างหยอกล้อกันเล่นกลางทุ่งนาอีกฟาก ซึ่งมองไม่ชัดเจน ตนคิดว่าเป็นสุนัข จึงใช้ไม้เคาะกับหลักไม้เพื่อไล่ให้ออกจากนาข้าว เกรงว่าต้นข้าวจะเสียหาย แต่ระหว่างเคาะนั้น สัตว์ดังกล่าวก็ได้รีบเดินหนีเข้าไปในป่า จึงได้เห็นชัดเจนว่าเป็นเสือโคร่งลายพาดกลอนขนาดใหญ่ พร้อมกับลูกอีกตัว จากนั้นจึงรีบกลับบ้านไปแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านทราบดังกล่าว

ด้านนายกำพล มาลาล้ำ ผู้ใหญ่บ้านโคกหิน กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบเสือแม่ลูกอ่อนเดินเพ่นพ่านในพื้นที่ไร่นา และสานยางพารามา 3-4 วันแล้ว จึงได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ผ่านหอกระจายข่าว และวิทยุชุมชนให้ชาวบ้านทราบ และให้ระมัดระวังตัวหากต้องออกไปทำนา ทำสวน และกรีดยางพารา จากนั้นได้แจ้งให้ทางอำเภอทราบ และส่งได้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ต่างยืนยันว่า เป็นรอยเท้าเสือจริง ส่วนชาวบ้านส่วนใหญ่หลังทราบข่าวต่างหวาดระแวงไม่ค่อยกล้าออกไปทำไร่ทำนา และกรีดยางพารา เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย

นายจักรกฤษดิ์ ร่วมกูล ปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอบัวเชด กล่าวว่า หลังจากได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วพบว่า รอยดังกล่าวเป็นรอยเท้าเสือจริง จึงได้เรียนให้นายอำเภอบัวเชดทราบแล้ว และได้มีคำสั่งให้ประสานผู้นำชุมชนในพื้นที่ตำบลสะเดา และตำบลใกล้เคียงที่มีแนวเขตพื้นที่ติดกับป่าชายแดนไทย-กัมพูชา แจ้งเตือนชาวบ้านให้ระมัดระวังตัว และหากใครพบเห็นให้รีบแจ้งทางอำเภอทราบทันที

ทั้งนี้ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตวป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ เพื่อลงพื้นที่วางแผนป้องกัน และไล่ล่าต่อไป ทั้งนี้ เสือดังกล่าวน่าจะเป็นเสือออกมาจากป่าในแนวตะเข็บชายแดนประเทศกัมพูชา เนื่องจากขณะนี้ ป่าตามตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายบุกรุกเข้าตัดไม้ทำลายป่าจำนวนมาก อาจเป็นสาเหตุให้เสือต้องหลบหนีเข้ามาหากิน และหลงเข้ามาในฝั่งไทยก็เป็นได้