xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงไหม้ รง.กระดาษฟินิคซฯ อ.น้ำพอง เร่งอพยพคนงาน-ชาวบ้านออกนอกรัศมีอันตราย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ระทึก! เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตกระดาษรายใหญ่ บริษัทฟินิคช พัลพฯ ในเครือเอสซีจี เปเปอร์ ตั้งอยู่ อ.น้ำพอง เผยมีการรั่วไหลของสารแอมโมเนีย และสารคลอรีนส่งกลิ่นคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ ต้องอพยพคนงาน และประชาชนชุมชนใกล้เคียงออกนอกพื้นที่เพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต คาดไฟฟ้าลัดวงจร

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (29 ก.ค.) พ.ต.ท.ตรีเทพ ทองนอก พนักงานสอบสวน สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและทีมวิศวกร บริษัทฟินิคช พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด (มหาชน) ในเครือเอสซีจี เปเปอร์ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเยื่อกระดาษ และกระดาษแบบพิมพ์เขียนรายใหญ่ ภายใต้แบรนด์ I-DEA 1 ว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในโรงงาน และกลิ่นไฟไหม้คละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.ชัยพร พานิชอัตรา รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ทองไพบูลย์ ผกก.สภ.น้ำพอง และนายประกอบ วิวิธจินดา อุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น

ขณะเดียวกัน ได้ระดมรถดับเพลิง รถกู้ชีพ รถกระเช้าจากพื้นที่อำเภอข้างเคียง รวมไปถึง สำนักงาน ปภ.เขต 6 รวมกว่า 10 คัน เพื่อประสานการทำงานร่วมกับทีมวิศวกรของทาง บริษัทฯ เพื่อเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งเร่งวางแนวสกัด และควบคุมเพลิง เนื่องจากจุดที่เกิดเหตุอยู่ภายในตัวโรงงานซึ่งมีทางเข้า-ออกเพียงช่องทางเดียว

นอกจากนี้ ยังระดมคนงานที่อยู่ภายในตัวโรงงานกว่า 200 คน รวมถึงประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยใกล้กับที่เกิดเหตุอพยพออกนอกพื้นที่เพื่อความปลอดภัย

พ.ต.ท.ตรีเทพ ทองนอก พนักงานสอบสวน สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุรับแจ้งว่า มีคนงานกำลังเร่งทำความสะอาดไม้เนื่องจากจุดที่เกิดเหตุซึ่งเป็นต้นเพลิงเกิดขึ้นที่แผนกทำความสะอาดไม้ โรงต้มไม้ที่ 1 และ 2 สายการผลิตกระดาษที่ 1 ซึ่งเป็นจุดนำไม้ดิบทั้งหมดมาทำความสะอาดก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิต และจากการสอบถามพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุระบุว่า ได้ยินเสียงไฟฟ้าช็อตบริเวณจุดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของโรงต้ม จนเกิดเสียงดังไปตามสายไฟฟ้า และเกิดประกายไฟขึ้นเป็นวงกว้าง

ก่อนที่เปลวเพลิงจะลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการรั่วไหลของสารแอมโมเนีย และสารคลอรีนที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ ซึ่งหลังเกิดเหตุ ได้สั่งการให้มีการอพยพคนงานและประชาชนออกจากจุดที่เกิดเหตุเพื่อความปลอดภัย ตามมาตรการรักษาความปลอดภัย และควบคุมเพลิงสูงสุด

อย่างไรก็ตาม เหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวยังไม่มีรายงานของผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ขณะที่คนงาน และประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงกับโรงงานในรัศมี 5 กม.ได้อพยพไปไว้ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว อ.อุบลรัตน์ และ อ.น้ำพอง ซึ่งห่างจากจุดที่เกิดเหตุ 20 กม. ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชม. จึงจะสามารถสกัด และควบคุมเพลิงได้ทั้งหมด

ด้านนางนิภาพร สิทธิศร ผู้จัดการส่วนบริหาร บ.ฟินิคซ พัลพฯ กล่าวว่า จากการตรวจสอบอย่างละเอียดของผู้ที่เกี่ยวของพบว่า ต้นเพลิง และสาเหตุเพลิงไม้เกิดขึ้นที่บริเวณ รางสายไฟฟ้าใต้ห้องควบคุม หม้อไอน้ำที่ 2 ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการควบคุมเพลิงได้ภายใน 1 ชม. จึงไม่กระทบกับกระบวนการผลิต และชุมชนแต่อย่างใด ที่สำคัญไม่มีรายงานของผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

นางนิภาภรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับโรงเยื่อกระดาษแห่งนี้มีกำลังการผลิต 2.4 แสนตันต่อปี ซึ่งแม้ว่าจะเกิดเพลิงไหม้เสียหายในส่วนห้องควบคุมจ่ายพลังงานหม้อต้มไอน้ำ ก็ไม่กระทบต่อการผลิต ยังคงผลิตได้ตามปกติ เนื่องจากโรงงานมีบอยเลอร์ใช้พลังงานหลายส่วน ซึ่งบอยเลอร์ตัวนี้ใช้พลังงานน้ำดำจากน้ำหมักเยื่อ ส่วนที่เหลือยังมีบอยเลอร์จากชีวะภาพ และถ่านหินมาสนับสนุนกันได้ ส่วนความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ และบริษัทประกันมาตรวจสอบและประเมินอีกครั้ง

รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างที่เกิดเพลิงไหม้ ได้มีการแจ้งให้พนักงานที่ทำงานอยู่ภายโรงงานประมาณ 300 คน อพยพออกจากบริเวณโรงงาน โดยให้ไปอยู่บริเวณหน้าประตูโรงงาน แต่เนื่องจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรงมีควันพุ่งกระจายไปทั่ว ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนข้างโรงงานเกิดความแตกตื่น ประกอบกับมีการบอกต่อกันว่าหม้อน้ำระเบิด และอาจจะมีสารเคมีรั่ว จึงให้ชาวบ้านอพยพออกจากที่พักอาศัยไปก่อน ทำให้เกิดความโกลาหลต่างคนต่างก็พยายามออกจากพื้นที่

นายบุญหลาย ทาปุ๋ย พนักงานขับรถบริษัทเคอาร์อาร์ ซึ่งเป็นผู้รับเหมางานบริษัทฟินิคซ์ฯ และอาศัยอยู่ในชุมชนใกล้โรงงาน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนที่เกิดเพลิงไหม้ตนเพิ่งออกกะ ก็ได้รับแจ้งว่าให้อพยพออกจากที่พัก เนื่องจากเกรงว่าอาจจะได้รับอัตรายจากสารเคมี ซึ่งถ้าเกิดรั่วขึ้นมาจะมีรัศมีไกลถึง 25 กม.ตน และครอบครัวจึงรีบขับรถออกไปอยู่ที่ทางเข้าห่างจากโรงงานประมาณ 5 กม. รอดูสถานการณ์ ซึ่งรู้สึกตกใจ และกลัวมาก เพราะทราบว่าที่โรงงานแห่งนี้มีสารเคมีในการผลิต แต่ก็มั่นใจในการดูแลรักษาความปลอดภัยว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จนกระทั่งทราบว่า ควบคุมเพลิงได้ตนจึงพากันกลับเข้ามา






กำลังโหลดความคิดเห็น