ระยอง - เด็กชายชาวกัมพูชาวัย 2 ขวบเศษเสียชีวิต ป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก 1 รายที่โรงพยาบาลแกลง จังหวัดระยอง หลังเดินทางกลับมาจากประเทศกัมพูชาได้ประมาณ 1 สัปดาห์
วันนี้ (26 ก.ค.) นายกฤษณ์ ปาลสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง กล่าวว่า ได้รับรายงานจากงานระบาดวิทยาโรงพยาบาลแกลง จ.ระยองว่า พบผู้ป่วยอายุ 2 ปีเศษ มีตุ่มแดงขึ้นที่บริเวณมือและเท้า เด็กมีอาการไม่ดีขึ้นเลยจึงต้องปฏิบัติการเพื่อช่วยชีวิต หรือ (CPR) โดยแพทย์สงสัยเป็นเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 และเด็กได้เสียชีวิตในเวลา 17.00 น.ของวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา
คณะแพทย์โรงพยาบาลแกลง จึงได้ทำการสอบสวนโรคในวันเดียวกัน ซึ่งผลการสอบสวนโรคทราบชื่อผู้ป่วยคือ เด็กชายกิมฮะ ไม่มีนามสกุล อายุ 2 ขวบ 6 เดือน เป็นชาวกัมพูชา สอบถามบิดามารดา ทราบว่า พักอยู่ห้องแถวซอยอังคณา ถนนสุขุมวิท อ.แกลง โดยเด็กเริ่มมีไข้ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2555 มีอาการไข้ขึ้นสูง อาเจียนหลายครั้ง และสังเกตเห็นมีตุ่มแดงๆ ขึ้นที่มือและเท้าในวันที่ 23-24 กรกฎาคม 2555 เคยพาไปหาหมอที่คลีนิกแห่งหนึ่งใน อ.แกลง 2 ครั้ง แต่เด็กอาการไม่ดีขึ้น จึงพามาโรงพยาบาลแกลงในวันที่ 25 กรกฎาคม 2555 เวลาประมาณ 15.00 น.เด็กมีอาการหอบ เหนื่อย และตัวซีด
เมื่อตรวจสอบพบเม็ดตุ่มแดงที่มือและเท้า ต่อมา เด็กมีอาการแย่ลงแพทย์พยาบาลได้ทำการช่วยชีวิต และเด็กได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้ จากการสอบสวนโรค โดยสอบถามมารดา และเพื่อนบ้านทราบว่า เป็นเด็กที่ไม่ค่อยแข็งแรง ลักษณะเด็กมีโภชนาการไม่สมบูรณ์ โดยเลี้ยงเองที่บ้านไม่ได้นำไปฝากเลี้ยงกับสถานรับเลี้ยงแต่อย่างใด ห้องแถวที่เด็กอาศัยอยู่มีประมาณ 30 ห้อง และห้องเด็กที่เสียชีวิต มีสมาชิกประมาณ 6 คน เป็นผู้ใหญ่ 4 คน เด็ก 2 คน และมีเด็กที่เพื่อนในห้องแถวนำมาฝากเลี้ยงกับเด็กที่เสียชีวิต 1 คน
ขณะนี้ เด็กทั้ง 3 คนมีอาการไข้ต่ำๆ และเริ่มมีตุ่มแดงที่ฝ่าเท้าและมือ จึงให้ญาตินำเด็กมาตรวจรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลแกลง จากการสอบถามประวัติเสี่ยงเด็กที่เสียชีวิตพบว่า เด็ก 2 รายข้างห้องที่ชอบมาคลุกคลีด้วยเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศกัมพูชา ประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งอาจเป็นคนนำเชื้อมาติดเด็กจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้น ได้ส่งตัวอย่างน้ำไขสันหลัง และเลือดไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว คาดว่าจะทราบผลในเร็ววันนี้
นายกฤษณ์ ปาลสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง กล่าวว่า หลังเด็กเสียชีวิตลง ได้รายงานให้นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองทราบทันที ซึ่งได้มีการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที พร้อมสั่งการตั้งวอร์รูม หรือศูนย์ปฏิบัติการรับมือสถานการณ์โรคนี้ทันที ด้วยการจัดกิจกรรมทำความสะอาดบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ทั้งจังหวัดในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ค.) และให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสาธารณสุข โรงพยาบาล ปฎิบัติการเชิงรุก ประสานทุกอำเภอ ประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ออกไปเยี่ยมเยือน รณรงค์ทุกพื้นที่ให้ตระหนัก เช่น ในหมู่บ้าน ชุมชน โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก
นอกจากนั้น ให้ทางจัดหางานจังหวัดประสานนายจ้างสถานประกอบการที่มีแรงงานชาวกัมพูชา โดยอย่าให้เดินทางกลับประเทศในช่วงนี้ นอกจากนี้ ก็ให้มีการทำแผน ตรวจสอบ และเชิญผู้ประกอบการร้านอาหาร มาชี้แจงทำความเข้าใจ เพื่อร่วมกันทำความสะอาดร้านอาหารด้วย โดยให้อำเภอแกลงที่พบผู้เสียชีวิต เป็นอำเภอโมเดล ทั้งนี้เพื่อควบคุม และเพื่อเอาชนะโรคมือเท้าปากให้ได้ อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถควบคุมได้ ก็ให้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติได้ทันที
นายกฤษณ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานการณ์โรคมือเท้าปากของจังหวัดระยอง ขณะนี้พบผู้ป่วยแล้ว 384 ราย สูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศ ปัจจุบันสถานการณ์มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบผู้ป่วยวันละประมาณ 20 คน โดยการระบาดของโรคกระจายทุกอำเภอ อำเภอที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ อ.เมือง รองลงมา อ.บ้านค่าย และ อ.ปลวกแดง