พะเยา - เกษตรกรผู้ปลูกลำไยวอนรัฐเข้าช่วยเหลือพยุงราคาผลผลิตหลังราคาเริ่มดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง แถมค่าจ้างแรงงานแพงซ้ำเติมอีก เผยเจ้าของสวนบางรายขายลำไยแล้วหักค่าใช้จ่ายเหลือเงินเข้ากระเป๋าแค่วันละ 300 บาท เท่าค่าจ้างคนงานเก็บลำไยเท่านั้น ฮึ่มหากรัฐไม่ช่วยชุมนุมประท้วงแน่
นายนเรศ ฝีปากเพราะ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริม และพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดพะเยา เปิดเผยถึงสถานการณ์ผลผลิตลำไยของภาคเหนือที่ปีนี้มีมากถึง 470,000 ตัน ขณะที่จังหวัดพะเยาประมาณการผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดไม่น้อยกว่า 29,041 ตัน มากกว่าปีที่ผ่านมา(54) ที่มีผลผลิตเพียง 15,000 ตันเท่านั้น ทำให้ราคาผลผลิตปีที่ผ่านมาสูง เกรด AA ขายได้ กก.ละ 21-28 บาท
ขณะที่ปีนี้ต้นฤดูราคาผลผลิตค่อนข้างดี โดยเกรด AA อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 22-24 บาท แต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 55 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตออกมากกว่าร้อยละ 80 ราคาตกต่ำ ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกทางการตลาด โดยปัจจุบันราคาลำไยเกรด AA ตกลงมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 11-17 บาทเท่านั้น ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกลำไยเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานเกษตรจังหวัดได้มีแผนในการระบายผลผลิตแล้ว ด้วยการแบ่งผลผลิตร้อยละ 10 จำหน่ายเป็นลำไยสดช่อ ส่วนที่เหลือกว่าร้อยละ 90 นั้นจะทำเป็นลำไยแปรรูป อบแห้งส่งจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีแนวทางความช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล โดยคณะกรรมการ คชก.ทั้งการชดเชยค่าขนส่งกิโลกรัมละ 2.5 บาท ที่พะเยาได้โควตา 5,000 ตัน และการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปีสำหรับผู้ประกอบการ กรณีกู้เงินจากสถาบันการเงินด้วย
ด้านนางพรทิพย์ กิริยา อายุ 39 ปี เกษตรกรผู้ปลูกลำไย ม.5 บ้านป่าแฝก อ.แม่ใจ จ.พะเยา กล่าวว่า ปัจจุบันราคาลำไยเริ่มลดลง โดยเกรด AA ตกกิโลกรัมละ 17 บาทเท่านั้น ประกอบกับค่าจ้างคนงานเก็บลำไยเพิ่มมากขึ้นเป็นวันละไม่ต่ำกว่า 300-500 บาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายจากการขายผลผลิตแล้วได้เงินเพียง 300 บาทต่อวันเท่านั้น ซึ่งคิดแล้วจะเท่ากับค่าจ้างแรงงานคนเก็บลำไย ทำให้เดือดร้อนมาก
ขณะนี้ตนได้แก้ไขปัญหาโดยขายผลผลิตให้บริษัทรับซื้อชาวต่างชาติ แต่ต้องแลกกับการทำแพกเกจ และทำคุณภาพของผลผลิตตามมาตรฐานของผู้รับซื้อ และจะได้เงินค่าขายลำไยล่าช้ากว่าการขายให้ผู้ประกอบการรับซื้อทั่วไปที่ได้เงินทันทีที่ขายผลผลิต ดังนั้นจึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยพยุงราคาลำไยเกรด AA ไม่ให้ต่ำไปกว่ากิโลกรัมละ 20 บาทด้วย
ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลำไย อ.เชียงคำระบุว่า หากยังประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำต่อไปอีก และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือพยุงราคาให้เหมาะสมแล้ว ทางกลุ่มเกษตรกรก็อาจจะมีการรวมตัวเคลื่อนไหวเรียกร้องต่อไป
นายภูมิชัย ตะพานแก้ว นายอำเภอเชียงคำ กล่าวว่า เชียงคำเป็นอำเภอที่ปลูกลำไยมากสุดใน พะเยา ปีนี้มีผลผลิตกว่า 12,118 ตัน ล่าสุดได้มีเกษตรกรผู้ปลูกลำไยเข้ามาเจรจาขอให้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ซึ่งปัจจุบันเกรด AA อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 13-18 บาท ส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ขณะที่ผู้ประกอบการรับซื้อลำไยในพื้นที่เองก็ระบุว่า ขาดแคลนเงินทุนที่จะนำมาใช้ในการรับซื้อผลผลิตเช่นกัน
ดังนั้น อำเภอเชียงคำจึงได้ประสานทาง ธ.ก.ส.ให้ปล่อยเงินกู้แก่ทางผู้ประกอบการเพื่อแก้ไขปัญหาให้ ส่วนปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำนั้น อำเภอจะได้รายงานให้ทางจังหวัดทราบ เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการที่ คชก.กำหนดต่อไป
นายนเรศ ฝีปากเพราะ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริม และพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดพะเยา เปิดเผยถึงสถานการณ์ผลผลิตลำไยของภาคเหนือที่ปีนี้มีมากถึง 470,000 ตัน ขณะที่จังหวัดพะเยาประมาณการผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดไม่น้อยกว่า 29,041 ตัน มากกว่าปีที่ผ่านมา(54) ที่มีผลผลิตเพียง 15,000 ตันเท่านั้น ทำให้ราคาผลผลิตปีที่ผ่านมาสูง เกรด AA ขายได้ กก.ละ 21-28 บาท
ขณะที่ปีนี้ต้นฤดูราคาผลผลิตค่อนข้างดี โดยเกรด AA อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 22-24 บาท แต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 55 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตออกมากกว่าร้อยละ 80 ราคาตกต่ำ ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกทางการตลาด โดยปัจจุบันราคาลำไยเกรด AA ตกลงมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 11-17 บาทเท่านั้น ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกลำไยเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานเกษตรจังหวัดได้มีแผนในการระบายผลผลิตแล้ว ด้วยการแบ่งผลผลิตร้อยละ 10 จำหน่ายเป็นลำไยสดช่อ ส่วนที่เหลือกว่าร้อยละ 90 นั้นจะทำเป็นลำไยแปรรูป อบแห้งส่งจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีแนวทางความช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล โดยคณะกรรมการ คชก.ทั้งการชดเชยค่าขนส่งกิโลกรัมละ 2.5 บาท ที่พะเยาได้โควตา 5,000 ตัน และการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปีสำหรับผู้ประกอบการ กรณีกู้เงินจากสถาบันการเงินด้วย
ด้านนางพรทิพย์ กิริยา อายุ 39 ปี เกษตรกรผู้ปลูกลำไย ม.5 บ้านป่าแฝก อ.แม่ใจ จ.พะเยา กล่าวว่า ปัจจุบันราคาลำไยเริ่มลดลง โดยเกรด AA ตกกิโลกรัมละ 17 บาทเท่านั้น ประกอบกับค่าจ้างคนงานเก็บลำไยเพิ่มมากขึ้นเป็นวันละไม่ต่ำกว่า 300-500 บาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายจากการขายผลผลิตแล้วได้เงินเพียง 300 บาทต่อวันเท่านั้น ซึ่งคิดแล้วจะเท่ากับค่าจ้างแรงงานคนเก็บลำไย ทำให้เดือดร้อนมาก
ขณะนี้ตนได้แก้ไขปัญหาโดยขายผลผลิตให้บริษัทรับซื้อชาวต่างชาติ แต่ต้องแลกกับการทำแพกเกจ และทำคุณภาพของผลผลิตตามมาตรฐานของผู้รับซื้อ และจะได้เงินค่าขายลำไยล่าช้ากว่าการขายให้ผู้ประกอบการรับซื้อทั่วไปที่ได้เงินทันทีที่ขายผลผลิต ดังนั้นจึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยพยุงราคาลำไยเกรด AA ไม่ให้ต่ำไปกว่ากิโลกรัมละ 20 บาทด้วย
ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลำไย อ.เชียงคำระบุว่า หากยังประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำต่อไปอีก และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือพยุงราคาให้เหมาะสมแล้ว ทางกลุ่มเกษตรกรก็อาจจะมีการรวมตัวเคลื่อนไหวเรียกร้องต่อไป
นายภูมิชัย ตะพานแก้ว นายอำเภอเชียงคำ กล่าวว่า เชียงคำเป็นอำเภอที่ปลูกลำไยมากสุดใน พะเยา ปีนี้มีผลผลิตกว่า 12,118 ตัน ล่าสุดได้มีเกษตรกรผู้ปลูกลำไยเข้ามาเจรจาขอให้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ซึ่งปัจจุบันเกรด AA อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 13-18 บาท ส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ขณะที่ผู้ประกอบการรับซื้อลำไยในพื้นที่เองก็ระบุว่า ขาดแคลนเงินทุนที่จะนำมาใช้ในการรับซื้อผลผลิตเช่นกัน
ดังนั้น อำเภอเชียงคำจึงได้ประสานทาง ธ.ก.ส.ให้ปล่อยเงินกู้แก่ทางผู้ประกอบการเพื่อแก้ไขปัญหาให้ ส่วนปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำนั้น อำเภอจะได้รายงานให้ทางจังหวัดทราบ เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการที่ คชก.กำหนดต่อไป
