ตราด-เกิดฟ้าผ่าลงกุฏิเจ้าอาวาสวัดพนมพริก จังหวัดตราด ทำให้ไฟไหม้กุฏิเกือบวอดทั้งหลัง ขณะที่พระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์สมัยอยุธยาอายุ 300 ปี ถูกไฟไหม้เสียหาย
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (21 ก.ค.) พ.ต.ท.วิเชียร ปั้นสุข พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ได้รับแจ้งเหตุจากนายอเนก นิลชาติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านพนมพริก ตำบลแสนตุ้ง อำเภอเขาสมิง ว่าเกิดเหตุไฟไหม้กุฏิพระครูสุวรรณ วรประสาสน์ เจ้าอาวาสวัดพนมพริก และเจ้าคณะตำบลเทพนิมิต หลังรับแจ้งจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าดับเพลิงของเทศบาลตำบลแสนตุ้งให้เดินทางไประงับเหตุไปไหม้ทันที
ที่เกิดเหตุเป็นกุฏิไม้ 2 ชั้น พบไฟกำลังลุกไหม้ชั้นสองของกุฏิ ขณะที่มีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงกำลังทุบประตูชั้นล่างเข้าไปด้านใน เนื่องจากระหว่างเกิดเหตุพระทั้งหมดได้ออกไปทำกิจนิมนต์ที่วัดทางควายและได้ล็อกประตูกุฏิไว้ เมื่อทุบประตูสำเร็จชาวบ้านได้ช่วยขนทรัพย์สินมีค่าออกมาจากกุฏิ โดยเฉพาะพระเก่าแก่ที่อยู่ในกุฏิ ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ระดมสกัดไฟไม่ให้ลุกลามมากไปกว่านี้ ซึ่งระหว่างที่เกิดเหตุนั้นฝนก็ยังตกลงมาอยู่ตลอดเวลา ทำให้การควบคุมเพลิงไม่ยากลำบากมากนัก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ
ต่อมาในเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ณัฐวัช ทองใบ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราด เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุตัวตนเอง โดยได้สอบถามสาเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้จากพระครูสุวรรณ วรประสาสน์ ทราบว่า สาเหตุที่เกิดไฟไหม้กุฏิมาจากฟ้าผ่า เนื่องจากช่วงเกิดเหตุได้มีฝนตกอยู่ตลอดเวลา จากนั้นชาวบ้านเห็นฟ้าผ่าลงมาที่กุฏิทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นดังกล่าว
พ.ต.อ.ณัฐวัช กล่าวว่า สาเหตุการเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้ตนเองได้ตั้งประเด็นไว้ 2 ประเด็น คือเกิดฟ้าผ่าลงมาที่กุฎิทำให้เกิดไฟไหม้ และเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ยังไม่สามรถสรุปสาเหตุที่แท้จริงว่ามาจากสาเหตุใด ซึ่งจะให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บข้อมูลและหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนเรื่องการวางเพลิงนั้นคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้เนื่องจากมีพยานเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ด้านพระครูสุวรรณ กล่าวว่า หลังรับเหตุจึงรีบกลับมาที่กุฎิทันที และได้เข้าไปช่วยขนพระและทรัพย์สินออกมาจากกุฎิ ขณะที่ตนเองได้รับบาดเจ็บจากการถูกน้ำตาเทียนที่ละลายจากไฟไหม้ลวกใส่แขนทั้ง 2 ข้าง ซึ่งชาวบ้านได้ช่วยนำพระพุทธรูปออกมาได้เพียง 4 องค์ เท่านั้น เป็นพระพระโมคสารีบุตร 2 องค์ และพระพุทธรูป ปางสมาธิ ทั้ง 3 องค์ทำขึ้นเมื่อปี 2497 ถูกไฟไหม้จนเกือบสลาย
ส่วนพระพุทธรูปอีก 1 องค์ เป็นพระประธานสมัยอยุธยามีอายุกว่า 300 ปี ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อไม้ ถูกไหม้ดำเป็นตอตะโก แต่ยังเหลือเป็นรูปร่างขององค์พระอยู่ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปอีกหลายองค์ที่เก็บไว้ภายในกุฏิที่เกิดเหตุอีกจำนวนมากที่ถูกไฟไหม้และสลายไป ซึ่งประเมินค่าความเสียหายไม่ได้เลย
ขณะที่ชาวบ้านที่ทราบเรื่องต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เสียใจกับเหตุการณ์เกิดเหตุและเสียดายที่พระพุทธรูปที่มีอายุเก่าแก่ ถูกไฟไหม้จนเสียหายไปหลายองค์