พะเยา - ตำรวจนำอดีต ผญบ. ทำแผนคดียิงพี่เขยฝรั่ง-พี่สาว และหลานสาว ตายยกครอบครัวคาบ้านผู้ใหญ่บ้าน เหตุแค้นถูกไล่ให้ย้ายบ้านพ้นเขตที่ดิน เจรจาขอซื้อตามที่เคยตกลงกันไว้ก่อนกลับไม่เป็นผล ตัดสินใจงัดปืนยิงหมดโม่ 3 รอบ รวม 21 นัด ก่อนมอบตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ
วันนี้ (19 ก.ค.55) พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ อุตบุรี ผกก.สภ.จุน , พ.ต.ท.กันต์ศักดิ์ สุรินทชัย รอง ผกก.สส. ,พ.ต.ท.รัฐศักดิ์ ซื่อสัตย์ พงส.(สบ.3) ,พ.ต.ท.จำนงค์ รวมจิตร พงส.(สบ.3) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จุนอ.จุน จ.พะเยา นำตัวนายมิตร ไข่ทา อายุ 42 ปี อดีต ผญบ.อยู่บ้านเลขที่ 115 หมู่ 11 ต.ลอ อ.จุน จ.พะเยา พร้อมอาวุธปืนพกสั้น รีวอลย์เวอร์ ขนาด.22 ทะเบียน กท 1816198 มือยิงพี่เขยฝรั่ง-พี่สาว และหลานสาว ตายยกครอบครัว 3 ศพ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยได้ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง ท่ามกลางไทยมุงเป็นจำนวนมาก
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (18 ก.ค.)โดยนายมิตร ได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าว ยิงคนตายที่บ้าน เลขที่ 74/1 หมู่11 ซึ่งเป็นบ้านของนายมนัส เวียงลอ อายุ 54 ปี ผญบ.หมู่ 11 รวม3 ศพ ประกอบด้วย น.ส.วนิดา เดนนูน อายุ 17 ปี หลานสาว สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ไหปลาร้าข้างซ้าย 1 นัด หลัง 3 นัด ท้อง1 นัด อก 2 นัด ตายคาที่ใต้ถุนบ้าน , นายออโต เดนนุล (AuTo Dennull )อายุ 67 ปี สัญชาติเยอรมนี พี่เขย นอนตายที่ลานบ้าน สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนกระบอกเดียวกันเข้าที่ลำตัว 5 นัด และนางนิตยา เดลนูน อายุ 47 ปี พี่สาว ซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 96/2 หมู่ 11 ต.ลอ อ.จุน จ.พะเยา ถูกยิงเข้าที่บริเวณลำตัว 2 นัด ลำคอ 2นัด เหตุไม่พอใจที่ถูกไล่ให้ย้ายบ้านออกจากแนวเขตที่ดิน ขณะกำลังเจรจาไกล่เกลี่ยกันที่บ้าน ผญบ. แต่ตกลงกันไม่ได้
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่เบื้องต้น ผู้ต้องรับสารภาพว่า ยิงเพราะโมโห ถูกพี่เขยฝรั่ง พี่สาว และหลานสาว ขับไล่ตนให้ย้ายบ้านออกไปอยู่ที่อื่น ทั้งที่ผ่านมาได้เป็นคนจัดการดูแลบ้านมาตลอด แม้กระทั่งทำหน้าที่จัดการซื้อที่ดินผืนดังกล่าวกว่า 6 ไร่ ขณะที่พี่เขยยังอยู่ที่ต่างประเทศ อีกทั้งตนเองขอแบ่งซื้อเฉพาะที่ตนเองปลูกบ้าน แต่กลับไม่ยอมขายให้ ทั้งยังยืนยันให้ย้ายสถานเดียว จนตกลงกันไม่ได้ จึงพากันไปที่บ้าน ผญบ. เพื่อไกล่เกลี่ย แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงชักปืนที่พกมาด้วย ยิงใส่พี่เขยฝรั่งเป็นคนแรก เมื่อยิงพี่เขยแล้ว ก็ได้ยิงใส่พี่สาวตัวเอง ก่อนจ่อยิงหลานสาว คนละไม่ต่ำกว่าสองนัดจนหมดโม่
เมื่อกระสุนหมด ได้วิ่งไปที่รถจักรยานยนต์นำลูกกระสุนมาบรรจุใหม่ แล้วกลับไปไล่จ่อยิงทั้งสามคนอีกจนกระสุนหมดโม่ แล้วกลับไปบรรจุกระสุนใหม่อีกรอบ และกลับมายิ่งซ้ำใส่ร่างทั้งสามเป็นรอบที่สาม เพื่อให้แน่ใจว่าเสียชีวิตแล้ว รวมยิงไปทั้งหมด 21 นัด 3โม่ๆ ละ 7 นัด เมื่อเห็นว่าตายหมดแน่แล้ว ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ไปมอบตัวกับตำรวจที่ตู้ยามศรีเมืองชุม ใกล้กับที่เกิดเหตุเพียง 1 กม. ก่อนเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวและอาวุธปืน พร้อมรุดไปที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบและเก็บหลักฐานดังกล่าว
จากการสอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์ก็คือ นายมนัส เวียงลอ ผญบ.หมู่ 11 ระบุว่า นายมิตร กับผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นญาติกัน ซึ่งนายมิตร เป็นน้องชายแท้ๆของนางนิตยา ที่มีสามีเป็นฝรั่งชาวเยอรมัน คือนายออโต และลูกสาว น.ส.วนิดา ก่อนเกิดเหตุทราบว่านายมิตร และครอบครัวของนางนิตยา มีเรื่องขัดแย้งไม่ลงรอยกันมานานราว 6 -7 ปีที่ผ่านมา ขณะที่นางนิตยา และครอบครัวยังอยู่ประเทศเยอรมันนี ขณะนั้นนายออโต ยังทำงานให้รัฐบาลของประเทศเยอรมันอยู่
นายมิตร ได้ดำเนินการติดต่อซื้อที่ดินแปลงที่สร้างบ้านของนางนิตยา ในปัจจุบันจนแล้วเสร็จ และสร้างบ้าน ตลอดจนการดูแลบ้านในช่วงเวลาที่ครอบครัวของนางนิตยา อยู่ต่างประเทศ มาโดยตลอด ซึ่งนางนิตยา เองก็ได้ชวนนายมิตร มาอยู่ด้วยกัน นายมิตร และครอบครัวจึงมาสร้างบ้านในพื้นที่ของนางนิตยา โดยตกลงกันว่า เมื่อนางนิตยา กลับมาอยู่เมืองไทยนายมิตร จะขอแบ่งซื้อที่ดินที่ได้ปลูกบ้านไว้ แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาที่นายออโต เกษียณอายุ มาอยู่เมืองไทย นายออโต และครอบครัว ไม่ยอมขายที่ให้ตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ และยังฟ้องขับไล่นายมิตร ให้ออกไปจากพื้นที่ของตัวเอง และมีการทะเลาะเบาะแวงกันทุกปีเรื่อยมา
นายมนัส กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้นายออโต ยังได้เข้าไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จุน เพื่อขอให้ขับไล่นายมิตร ออกไปจากบ้าน และล่าสุดทางอำเภอจุน โดยฝ่ายปกครอง ได้นัดคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยกันในวันที่ 27 ก.ค.55 แต่ปรากฏว่าช้าไป เพราะเมื่อ 18 ก.ค.55 ระหว่างที่ตนกำลังหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จุน ถึงเรื่องการไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทบนที่ดินดังกล่าว ทางครอบครัวของนางนิตยา และนายออโต ก็ได้โทรศัพท์แจ้งตนให้รีบกลับบ้าน เพื่อไปทำการไกล่เกลี่ย ตนคิดว่า น่าจะจบลงด้วยดี แต่สุดท้ายครอบครัวนางนิตยา และนายออโต ยืนยันไม่ยอมขาย และจะไล่นายมิตร ออกจากบ้านสถานเดียว เมื่อได้คำตอบดังกล่าว นายมิตร ได้หันหลังออกไปจากบ้านของตนและกำลังจะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับ ทันใดนั้นนายออโต พี่เขยของนายมิตร ได้แสดงพฤติกรรมยั่วยุ ทำให้นายมิตร ก่อเหตุสลดใจดังกล่าวขึ้น