เชียงราย - เจ้าหน้าที่ลุยค้นคุกเชียงรายซ้ำ ได้ยาบ้า-โทรศัพท์อีกเพียบ หลังครึ่งปีที่ผ่านมาค้นได้มือถือแล้วเกือบ 300 เครื่อง ด้าน ผอ.ป.ป.ส.เผยยังมีนักโทษเรือนจำเมืองพ่อขุนฯ โยงใย 15 เครือข่ายค้ายาบ้าด้วย
วันนี้ (11 ก.ค.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ ผบก.ภ.เชียงราย, พ.ต.อ.สงวน โรงสะอาด รอง ผบก.ภ.เชียงราย, นายวิชัย ไชยมงคล ผอ.ป.ป.ส.ภาค 5, นายไพโรจน์ พันธ์แก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลาง จ.เชียงราย ได้ผสานกำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 100 นาย เข้าจู่โจมตรวจค้นภายในเรือนจำโดยไม่ให้ผู้ต้องขังทันตั้งตัว
เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นที่แดน 2 สถานที่คุมขังนักโทษคดีเด็ดขาด จำนวน 1,410 คน ซึ่งถูกควบคุมอยู่ภายในห้องจำนวน 40 ห้อง โดยมีการตรวจค้นอย่างละเอียดทีละห้อง เพื่อตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการนำสิ่งผิดกฎหมายเข้าไปโดยเฉพาะยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ
ผลการตรวจค้นพบของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 6 เม็ด โทรศัพท์มือถือได้ 3 เครื่อง แบตเตอรี่ จำนวน 11 ก้อน ซิมการ์ด 5 อัน เงินสด 1,000 บาท ชุดหูฟัง 6 อัน ที่ชาร์จแบตเตอรี่ 2 อัน เหล็กแหลม อุปกรณ์ดัดแปลงเป็นมีด 7 อัน ไฟแช็ก 19 อัน อุปกรณ์เล่นการพนัน และหนังสือลามกอนาจารจำนวนหนึ่ง จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน และสืบสวนขยายผลหาตัวผู้ที่เป็นเจ้าของต่อไป
นายวิชัย ไชยมงคล ผอ.ป.ป.ส.ภาค 5 กล่าวว่า จากการตรวจค้นเรือนจำหลายครั้งที่ผ่านมาพบว่ายังคงมีการลักลอบนำยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำได้อยู่ แม้ว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จะเข้มงวดอย่างมาก จึงเชื่อว่าขบวนการเหล่านี้ใช้วิธีการที่สลับซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้น ทาง ป.ป.ส.ภาค 5 จะหารือกับเรือนจำกลาง จ.เชียงรายเพื่อหามาตรการคุมเข้มอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การข่าวสืบทราบว่ายังคงมีเครือข่ายยาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับนักโทษที่ถูกคุมขังในเรือนจำแห่งนี้กว่า 15 เครือข่าย โดยเจ้าหน้าที่กำลังเกาะติดและพยายามรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการจับกุมกวาดล้างให้หมดต่อไป
นายไพโรจน์กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่ผ่านมาได้ทำให้เรือนจำใช้วิธีการตรวจค้นภายในเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และยังมีการบูรณาการร่วมกับทหาร, ตำราวจ, ป.ป.ส.ภาค 5 เข้าตรวจค้นครั้งใหญ่อีกด้วย ซึ่งทุกครั้งที่มีการตรวจค้นก็จะพบของกลางผิดกฎหมายตลอด โดยระยะเวลา 6 เดือนหรือครึ่งปีที่ผ่านมาพบว่ามีการตรวจยึดโทรศัพท์มือถือได้เกือบ 300 เครื่อง
นายไพโรจน์บอกว่า สาเหตุที่ยังพบของต้องห้ามในเรือนจำ เกิดจากเรือนจำมีกำลังเจ้าหน้าที่น้อยและต้องดูแลนักโทษชายและหญิงรวมกันทั้งสิ้นกว่า 4,729 คน มีนักโทษตลอดชีวิต 176 คน ผู้ร้ายสำคัญ 18 คน ทั้งหมดเป็นนักโทษในคดียาเสพติดถึง 80%
ขณะที่ผู้ทำผิดใช้วิธีการพลิกแพลงต่างๆ นานา ทั้งการโยนสิ่งของเข้าไป การซุกซ่อน ฯลฯ ล่าสุดยังพบการใช้ปืนแรงดันยิงโทรศัพท์มือถือและยาเสพติดเข้าไปได้ครั้งละมากๆ อีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ที่ตรวจยึดได้ก็เพราะไปตกผิดจุดทำให้เจ้าหน้าที่ไปพบเห็นเสียก่อน ทำให้ในปัจจุบันเรือนจำกำลังหาวิธีล้อมตาข่ายหลังแนวรั้วเหล็กเพื่อป้องกันอยู่ รวมทั้งพยายามหาข่าวและคัดแยกผู้ต้องหาสำคัญที่มีพฤติกรรมใช้โทรศัพท์สั่งยาเสพติดจากเรือนจำไว้แล้วเพื่อส่งตัวไปเรือนจำเขาบิน ซึ่งขณะนี้รอคำสั่งจากกรมราชทัณฑ์อยู่
"ส่วนกรณีเคยมีการตรวจพบนักโทษที่เข้าไปใช้บริการที่กองการศึกษาและนำยาเสพติดซุกซ่อนไว้ใต้รองเท้าหลายอันนั้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว ซึ่งพบว่ามีการพาดพิงถึงผู้ต้องขังที่ถูกคุมขังในเรือนจำเขาบิน ทำให้ต้องตามไปสอบสวนเพื่อหาข้อสรุปต่อไป ขณะเดียวกัน ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจเข้มรองเท้าของผู้ต้องขังที่เข้าไปใช้ห้องกองการศึกษาเรียนหนังสือในวันเสาร์และอาทิตย์ สังเกตพฤติกรรมของนักโทษว่ามีการใส่รองเท้ามาเรียนแล้วขากลับใส่รองเท้าคู่อื่นหรือไม่ด้วย" นายไพโรจน์กล่าว