พระนครศรีอยุธยา - สหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เผยสหกรณ์ในอยุธยา เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังตามนโยบายของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ถึง 15 ก.ย. มียอดเข้าร่วมโครงการจำนำข้าวเปลือกแล้วกว่า 5 หมื่นตัน ชี้ปัญหาของโครงการยังมี คือ เกษตรกรยังได้รับเงินล่าช้า
วันนี้ (2 ก.ค.) นายจำนัล โคติวงศ์ สหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า สหกรณ์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังตามนโยบายของรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ถึง 15 ก.ย.55 โดยเปิดจุดบริการรับจำนำข้าวเปลือก จำนวน 4 แห่ง มียอดรับจำนำเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.55 จำนวนกว่าห้าหมื่นตัน จากสมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกรทั่วไป มูลค่าประมาณ 750 ล้านบาท เป็นการช่วยเกษตรกรลดค่าใช้จ่ายเพราะอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง และที่สำคัญคือ เครื่องชั่งของสหกรณ์มีมาตรฐานเป็นที่มั่นใจของสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป และทำให้สหกรณ์มีรายได้จากการให้บริการรับจำนำข้าวเปลือกตันละ 100 บาท
สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกดังกล่าว คือ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พระนครศรีอยุธยา จำกัด สหกรณ์การเกษตรผักไห่ จำกัด สหกรณ์การเกษตรบางซ้าย จำกัด สหกรณ์การเกษตรท่าเรือ จำกัด นอกจากจะเป็นจุดรับจำนำข้าวเปลือกแล้วยังแปรรูปเป็นข้าวสาร ส่งให้องค์การคลังสิ้นค้า ถือเป็นสหกรณ์ที่เข้าโครงการครบวงจร
โครงการรับจำนำนี้จะสิ้นสุดโครงการวันที่ 15 ก.ย.55 ช่วงนี้เป็นฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบสอง คาดว่า สหกรณ์ดังกล่าวจะได้ให้บริการแก่สมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกรทั่วไปได้อีกรอบหนึ่งก่อนที่จะปิดโครงการ โดยสรุปโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเป็นโครงการที่ดีสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ทำให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาดี แต่ต้องประสบปัญหา คือ เกษตรกรได้รับเงินล่าช้า ทำให้สหกรณ์ภาคการเกษตร และกลุ่มเกษตรกรหลายแห่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับเงินชำระหนี้จากสมาชิกล่าช้าตามไปด้วย ผลกระทบนี้ส่งผลให้การดำเนินงานของสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรประสบปัญหาหนี้ค้างชำระ ดอกเบี้ยค้างชำระ ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่ายมียอดปริมาณธุรกิจลดลงไปด้วย
วันนี้ (2 ก.ค.) นายจำนัล โคติวงศ์ สหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า สหกรณ์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังตามนโยบายของรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ถึง 15 ก.ย.55 โดยเปิดจุดบริการรับจำนำข้าวเปลือก จำนวน 4 แห่ง มียอดรับจำนำเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.55 จำนวนกว่าห้าหมื่นตัน จากสมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกรทั่วไป มูลค่าประมาณ 750 ล้านบาท เป็นการช่วยเกษตรกรลดค่าใช้จ่ายเพราะอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง และที่สำคัญคือ เครื่องชั่งของสหกรณ์มีมาตรฐานเป็นที่มั่นใจของสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป และทำให้สหกรณ์มีรายได้จากการให้บริการรับจำนำข้าวเปลือกตันละ 100 บาท
สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกดังกล่าว คือ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พระนครศรีอยุธยา จำกัด สหกรณ์การเกษตรผักไห่ จำกัด สหกรณ์การเกษตรบางซ้าย จำกัด สหกรณ์การเกษตรท่าเรือ จำกัด นอกจากจะเป็นจุดรับจำนำข้าวเปลือกแล้วยังแปรรูปเป็นข้าวสาร ส่งให้องค์การคลังสิ้นค้า ถือเป็นสหกรณ์ที่เข้าโครงการครบวงจร
โครงการรับจำนำนี้จะสิ้นสุดโครงการวันที่ 15 ก.ย.55 ช่วงนี้เป็นฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบสอง คาดว่า สหกรณ์ดังกล่าวจะได้ให้บริการแก่สมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกรทั่วไปได้อีกรอบหนึ่งก่อนที่จะปิดโครงการ โดยสรุปโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเป็นโครงการที่ดีสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ทำให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาดี แต่ต้องประสบปัญหา คือ เกษตรกรได้รับเงินล่าช้า ทำให้สหกรณ์ภาคการเกษตร และกลุ่มเกษตรกรหลายแห่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับเงินชำระหนี้จากสมาชิกล่าช้าตามไปด้วย ผลกระทบนี้ส่งผลให้การดำเนินงานของสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรประสบปัญหาหนี้ค้างชำระ ดอกเบี้ยค้างชำระ ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่ายมียอดปริมาณธุรกิจลดลงไปด้วย
