xs
xsm
sm
md
lg

“สมภพ” แนะไทยต้องเร่งเครื่องเป็นศูนย์กลางอาเซียนรับเออีซี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพรับไทยเข้าสู่เออีซี “สมภพ มานะรังสรรค์” ชี้ไทยต้องเปลี่ยนจากเศรษฐกิจเน้นการผลิตไปเน้นด้านบริการ เหตุเพื่อนบ้านมีทรัพยากรมากกว่า แนะไทยต้องเร่งพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางภูมิภาค เหตุได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ ย้ำทุกฝ่ายต้องเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงทุกด้าน

วันที่ 29 มิ.ย.ที่ห้องประชุมนันทา 1-2 ชั้น 2 โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับสำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “พัฒนาศักยภาพคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) จังหวัด/กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับพื้นที่สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)” ขึ้น โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากส่วนกลาง และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เข้าร่วม

รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวในการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 กับการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวว่า ในอนาคต อาเซียนจะถือเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญในระบบเศรษฐกิจของโลก เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีประชากรจำนวนมาก แต่ยังมีตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจยังไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ในโลก อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการเติบโตดังกล่าวก็มีความหมายว่าภูมิภาคนี้ยังมีความสามารถที่จะเติบโตได้อีกมาด้วยเช่นกัน

รศ.ดร.สมภพ กล่าวว่า การพัฒนาทางเศรษฐกิจในโลกนั้นเริ่มต้นจากเศรษฐกิจที่เน้นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร พัฒนาไปสู่เศรษฐกิจที่เน้นในเรื่องของการผลิต จากนั้น จึงจะก้าวสู่เศรษฐกิจที่ว่าด้วยการบริการ ก่อนจะไปสู่ระดับสูงสุดก็คือ เศรษฐกิจที่ว่าด้วยการเก็งกำไรและการเงิน ซึ่งในปัจจุบัน ประเทศใหญ่ๆ ในโลกจะอยู่ในกลุ่มสุดท้าย ขณะที่ไทยตั้งเป้าที่จะก้าวจากระดับที่สองมาอยู่ในกลุ่มที่เน้นเรื่องการบริการ ส่วนประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่านั้นยังอยู่ในระดับแรก เนื่องจากยังมีทรัพยากรที่มีประโยชน์จำนวนมาก ทำให้พม่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก

ดังนั้น สิ่งที่ประเทศไทยจะต้องพิจารณาเมื่อก้าวเข้าสู่เออีซีก็คือ จะทำอย่างไรที่จะเชื่อมโยงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง แต่ยังมีพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่ด้อยกว่าอย่างพม่า ลาว กัมพูชา หรือเวียดนามได้ เพราะในอนาคต เมื่อประเทศต่างๆ เหล่านี้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้นก็จะดึงดูดให้นักลงทุนจากแหล่งต่างๆ เข้ามาลงทุนมากขึ้น หากไทยไม่มีการเตรียมตัวที่ดี นักลงทุนจะหันไปสู่ประเทศเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของไทยที่ยังพึ่งพาการค้าการลงทุนจากต่างประเทศอยู่มาก

รศ.ดร.สมภพ กล่าวต่อไปว่า เป้าหมายที่ไทยควรจะทำในอนาคตเมื่อก้าวเข้าสู่เออีซีก็คือ การทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศในอาเซียนที่ไม่ใช่หมู่เกาะ เนื่องจากในเชิงภูมิศาสตร์ไทยอยู่ในตำแหน่งที่เป็นศูนย์กลาง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศอื่นๆ ได้โดยสะดวกอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ทั้งภาครัฐ และธุรกิจจะต้องทำความเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการเคลื่อนย้ายเสรีในด้านการค้า การบริการ การลงทุน เงินทุน และแรงงานฝีมือเมื่อไทยก้าวเข้าสู่เออีซี ขณะเดียวกัน ไทยเองก็จะต้องเร่งพัฒนาปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ในด้านการพัฒนาเพื่อให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งในด้านระบบขนส่ง ระบบการสื่อสาร ระบบการเงิน ระบบเศรษฐกิจเสรี เทคโนโลยีต่างๆ และเรื่องของระบบทรัพยากรมนุษย์

อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์กล่าวด้วยว่า การที่ไทยตั้งเป้าจะเป็นประเทศที่เน้นเศรษฐกิจในด้านการบริการต่างๆ นั้น ทำให้ไทยต้องพัฒนาประเทศให้กลายเป็นศูนย์กลางในหลายๆ ด้าน ซึ่งแนวทางการพัฒนาของกลุ่มจังหวัดที่มีแนวคิดเรื่องการเป็นศูนย์กลางในด้านธุรกิจบริการสุขภาพ หรือการจัดประชุมและนิทรรศการนานาชาตินั้น ก็ถือเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับแนวนโยบายดังกล่าว หรือการสร้างจุดขายในด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดนั้นก็ถือเป็นการชูจุดขายในด้านการบริการ ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้จำนวนมากเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น