ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ส่อแววเป็นหนังเรื่องยาว หลัง “ถาวร” ร้องเรียน “บุญเลิศ” ทำผิด กม.เลือกตั้ง เผยร้อง 3 กระทง “อ้างอิงนายกฯ-อ้างผลโพลชี้นำ-ทำป้ายเลียนแบบบัตรเลือกตั้ง” พร้อมหอบข้อมูลมอบ กกต. เชื่อหลักฐานชัดเจน ด้านประธาน กกต.เชียงใหม่ระบุเตรียมสอบสวนทันที ยันมีเวลา 30 วันหากไม่ทันคงต้องรับรองผลเลือกตั้งไปก่อนแล้วตามสอยทีหลัง
วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ นายถาวร เกียรติไชยากร ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หมายเลข 2 เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครหมายเลข 1 ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายบุญรัตน์ วงศ์ใหญ่ ประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน
การร้องเรียนของนายถาวรต่อนายบุญเลิศ ซึ่งเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า นายบุญเลิศได้กระทำผิดพระราชบัญญัติการเลือกตั้งใน 3 กรณี ประกอบด้วย การอ้างว่าได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี การจัดทำแผ่นป้ายโฆษณาที่มีการเลียนแบบบัตรเลือกตั้ง และการประกาศผลการสำรวจความคิดเห็นที่มีลักษณะชี้นำประชาชน
ในกรณีแรกนั้น นายถาวรระบุในคำร้องว่านายบุญเลิศได้ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะทำการเปิดตัวนายบุญเลิศและสมาชิกอีก 42 คนของกลุ่มเพื่อไทยคุณธรรม ในฐานะผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ และส.อบจ.เชียงใหม่ ในระหว่างการปราศรัยหาเสียงให้นายเกษม นิมมลรัตน์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต 3 ณ สนามกีฬาโรงเรียนมัธยมสันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2555
แต่ปรากฏว่าในวันดังกล่าวไม่มีการเปิดตัวนายบุญเลิศและสมาชิกแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเข้าใจผิดว่านายบุญเลิศได้รับการสนับสนุนจากนางสาวยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย
ส่วนกรณีที่สอง นายถาวรระบุว่านายบุญเลิศ และนายนพวงศ์ รัฐไผท ผู้สมัคร ส.อบจ.เชียงใหม่ หมายเลข 2 เขต 5 อำเภอเมือง จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันจัดทำแผ่นป้ายโฆษณาไวนิล และแผ่นพับโฆษณา
ในแผ่นป้ายดังกล่าวได้ลงรูปภาพนายบุญเลิศ และนายนพวงศ์ และภาพบัตรเลือกตั้งที่มีลักษณะและสีคล้ายคลึงกับบัตรเลือกตั้งจริง พร้อมกับทำเครื่องหมายกากบาทช่องหมายเลข 1 ในบัตรเลือกตั้งสีเขียวที่ใช้สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ กับทำเครื่องหมายกากบาทในช่องหมายเลข 2 ในบัตรเลือกตั้งสีส้มที่ใช้สำหรับการเลือกตั้ง ส.อบจ.เชียงใหม่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการชี้นำให้ประชาชนเข้าใจผิดและหลงเชื่อว่าต้องกากบาทตามภาพดังกล่าว
ขณะที่กรณีสุดท้าย นายถาวรระบุว่า นายบุญเลิศและหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้มีการนำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น โดยผลสำรวจดังกล่าวมีการเผยแพร่ในช่วงเจ็ดวันก่อนการเลือกตั้ง อีกทั้งผลการสำรวจยังสร้างความสับสนและทำให้เข้าใจผิดได้ว่านายบุญเลิศมีคะแนนนำเหนือผู้สมัครรายอื่นๆ เป็นจำนวนมาก รวมทั้งผลการสำรวจดังกล่าวยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าจัดทำโดยหน่วยงานใดและใช้วิธีการใด
นายถาวรกล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต.จังหวัดเชียงใหม่ว่า การกระทำของนายบุญเลิศในทั้งสามกรณีนั้นทำให้ตนเองซึ่งเป็นคู่แข่งเสียประโยชน์ รวมทั้งยังเป็นการหลอกลวงผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เกิดความเข้าใจผิด
ทั้งนี้ ตนได้แนบเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ทาง กกต.แล้ว มั่นใจว่าหลักฐานที่นำเสนอนั้นมีความชัดเจน โดยเฉพาะกรณีของการพิมพ์รูปบัตรเลือกตั้งในแผ่นพับและแผ่นป้ายหาเสียงนั้น กกต.เคยตัดสินว่ามีความผิดมาแล้วในกรณีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกลาง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กกต.ในการดำเนินการสอบสวนต่อไป
ด้านนายบุญรัตน์ วงศ์ใหญ่ ประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่และ ส.อบจ.เชียงใหม่ รวม 7 เรื่อง เป็นการร้องเรียนผู้สมัครนายก อบจ. 6 เรื่อง และการร้องเรียนผู้สมัคร ส.อบจ. 1 เรื่อง โดยเป็นการร้องเรียนในเรื่องการใช้ภาพถ่ายของผู้สมัครกับนักการเมืองหรือผู้บริหารระดับประเทศ การเผยแพร่ผลโพลเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และการทำป้ายที่มีภาพลียนแบบบัตรลงคะแนนเสียง ซึ่ง กกต.จ.เชียงใหม่ได้ประชุมและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินแล้วในการประชุมเมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.)
ส่วนการร้องเรียนของนายถาวรในวันนี้นั้น ทาง กกต.จ.เชียงใหม่จะได้พิจารณาว่ามีประเด็นที่ซ้ำซ้อนกับเรื่องที่มีการร้องเรียนเข้ามาก่อนหน้านี้หรือไม่ จากนั้นจะเร่งทำการสืบสวนต่อไป โดยขั้นตอนของการสืบสวนมีเวลา 30 วันก่อนส่งเรื่องให้ กกต.กลางพิจารณา ซึ่งหากการสอบสวนแล้วเสร็จช้ากว่ากำหนด ทาง กกต.ก็จะทำการรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อนแบบมีเงื่อนไข และหากพบในภายหลังว่าผู้ถูกร้องเรียนกระทำผิดจริงก็จะดำเนินคดีทันที