กาญจนบุรี - ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (จ.ราชบุรี) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และกองร้อย ตชด.ที่ 136 บุกตรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อย พบมีการบุกรุกป่าจำนวนมาก พร้อมยึดเสาปูนของนายทุนที่เตรียมปักหลักล้อมรั้วยึดพื้นที่ป่าอีกกว่า 2,000 ไร่ ส่งตำรวจดำเนินคดีล่าตัวมาลงโทษ เผยรู้ตัวแล้วเป็นใคร
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (26 มิ.ย.) นายบุญสืบ สมัครราช ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (จ.ราชบุรี) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และกองร้อย ตชด.ที่ 136 รวมกว่า 60 นาย ลงพื้นที่ป่าบ้านพุพญา หมู่ 4 ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อยเพื่อร่วมกันตรวจ และปราบปรามการกระทำผิด และปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่ถูกบุกรุกตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ในพื้นที่รับผิดชอบ
เมื่อคณะของเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ป่าบ้านพุพญา พบมีการกระทำผิดโดยทำการปักเสาแนวเขตเพื่อทำการล้อมรั้วแสดงสิทธิครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อย ในรัศมีเนื้อที่ประมาณ 2,000 ไร่ โดยมีการขุดหลุมตั้งเสาปูน โดยเสาปูนกว้าง 10 เซนติเมตร หนา 10 เซนติเมตร ยาว 200 เซนติเมตร โดยขุดฝังไปแล้วประมาณ 900 ต้น และมีเสาปูนกองรอการปักอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดเสาปูนทั้งหมดจำนวน 1,309 ต้นไว้เป็นของกลาง และเพิงพักชั่วคราวของคนงาน ซึ่งมีเสื้อผ้า เครื่องครัวอยู่จำนวนหนึ่ง รวมทั้งมีอุปกรณ์การขุด เช่น จอบเสียม มีสุนัขเลี้ยงไว้ 5 ตัวอยู่ใกล้เพิงพัก แต่ไม่พบตัวคนที่อยู่อาศัย หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ทำการบันทึกตรวจยึดเสาปูนทั้งหมด และรื้อถอนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายบุญสืบ สมัครราช ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (จ.ราชบุรี) เปิดเผยภายหลังการเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าคืนในครั้งนี้ว่า หลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีนายทุนเข้ามาทำการปักเสาเพื่อทำรั้วแสดงสิทธิครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในที่เกิดเหตุ โดยมีการตั้งเสารั้วเป็นแนวเขตกินพื้นที่ประมาณ 1,800 ไร่ ดังนั้น ตนและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จึงเข้าตรวจสอบและยึดพื้นที่รวมทั้งเสาปูนของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อให้ติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และที่แก้ไขเพิ่ม มาตรา 54, 55, 64 ทวิ, 72 ตรี ฐานยึดถือครอบครองพื้นที่ป่า เพื่อตนเอง หรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 14, 31 ฐานกระทำด้วยประการอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (จ.ราชบุรี) กล่าวต่อว่า ในส่วนของการสืบสวนในพื้นที่ทราบว่า การนำเสาปูนมาปักในพื้นที่ป่าเป็นการกระทำของนายบุญ (ไม่ทราบนามสกุล) ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการเหมืองแร่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง และมีภูมิลำเนาอยู่ใน ต.ศรีมงคล โดยมีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งเป็นผู้นำช่างเข้าพื้นที่มาสำรวจรังวัดหมายแนวเขต ซึ่งเสาปูนที่นำมาปักในที่เกิดเหตุทราบว่า นำมาจากร้านขายวัสดุของผู้ใหญ่เฮง ดังนั้น จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักสอบสวนให้เรียกผู้กระทำผิดดังกล่าวมาสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้าตรวจยึดเสาปูนกลางป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อยในครั้งนี้ พิกัดที่ตั้งจุดเกิดเหตุห่างจากชายแดนไทย-พม่า ประมาณ 2 กิโลเมตร และห่างจากบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี แค่ประมาณ 5 กิโลเมตร โดยพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุยังมีการแสดงสิทธิ โดยปักเสาปูนเป็นการแสดงสิทธิการครอบครองอีกหลายต้น บางต้นมีการปักเสาหล่อติดชื่อ “วิมล” อีกจำนวนมาก และบางเสาปูนพ่นสีแดงว่า “น้อยไม่ขายที่เอาไว้ทำกิน” บางส่วนที่แสดงการครอบครองพื้นที่กระจายครอบคลุมอีกหลายพันไร่ มีการแสดงสัญลักษณ์โดยพ่นสีสเปรย์หลายสีเป็นตัวอักษร เช่น “ช” “ป” “น” “ผ” เป็นต้น บางต้นมีการพ่นอักษรหลายตัวเป็นการแสดงสิทธิทับซ้อนกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้กำลังขยายลการสืบสวนเพื่อทำการตรวจยึดพื้นที่ทั้งหมดต่อไปในเร็วๆ นี้