แพร่ - ชุมชนบ้านแม่พุงหลวงร้อง ผู้สูงอายุวัย 80 ปีพิการตาบอดทั้งสองข้างมานานถึง 2 ปีแล้วแต่ไม่สามารถขอเบี้ยยังชีพคนพิการได้ จวกทางการไม่สนใจแก้ปัญหาให้ชาวบ้านที่มีข้อจำกัดไม่สามารถเข้าเมืองไปหาใบรับรองแพทย์ได้ ทำชาวบ้านขาดโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐที่มีอยู่
รายงานข่าวจากจังหวัดแพร่แจ้งว่า ที่บ้านเลขที่ 118 หมู่ 15 ต.แม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่ ของนายเสาร์คำ ตาแว่น อายุ 79 ปี และนางแดง ตาแว่น อายุ 80 ปี สองสามีภรรยาชาวพื้นเมือง ซึ่งมีฐานะยากจนอยู่กินตามอัตภาพของตนเอง โดยนายเสาร์คำอายุมากและมีอาการเจ็บป่วยด้วยความชราจนทำงานไม่ไหว ในขณะที่ต้องเลี้ยงดูภรรยาคือนางแดง ตาบอดสนิททั้งสองข้างมานานถึง 2 ปีแล้ว
ลูกหลานที่อยู่ในหมู่บ้านและคนในชุมชนพยายามให้นางแดงได้รับเงินช่วยเหลือผู้พิการ ชาวบ้านพยายามช่วยเดินเรื่องติดต่อกับทางราชการต่อสู้มานานนับปีไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ครอบครัวนี้ไม่สามารถเข้าถึงระบบบริการของรัฐที่นักการเมืองออกมาหาเสียงและมีงบประมาณช่วยเหลือแต่อย่างใด
นายเสาร์คำหวังขอรับเงินยังชีพคนพิการเพื่อนำมาจุนเจือครอบครัวให้มีชีวิตรอดไปได้วันหนึ่งๆ จนถึงวันสุดท้ายของตนเองเนื่องจากทำงานไม่ไหว แต่การขอรับการช่วยเหลือไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้นางแดงคิดว่าการมีชีวิตอยู่ไม่มีความหมายเท่ากับความตาย นางแดงพูดเสมอว่า “อยากตายแล้วเกิดใหม่อาจมีโอกาสที่ดีกว่า ชีวิตคนไทยไม่เท่าเทียมกัน”
นายประพันธ์ จักรแก้ว อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 117 หมู่ 15 ต.แม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่ กล่าวว่า ทนดูสภาพของครอบครัวนายเสาร์คำไม่ไหวได้อาสาติดต่อไปยัง อบต.แม่พุง ซึ่งเป็นต้นสังกัดในการให้สวัสดิการผู้พิการ อบต.ชี้แจงว่า การจะได้รับเบี้ยยังชีพผู้พิการจะต้องผ่านการตรวจและรับรองจากแพทย์ที่โรงพยาบาลเสียก่อนจึงจะได้รับเงิน เงื่อนไขดังกล่าวกลายเป็นปัญหาทันทีเนื่องจากนางแดงไม่เคยไปไหนเลย และเป็นผู้ที่มีอายุมากไม่กล้าขึ้นรถ ถ้าพาขึ้นรถแล้วไปเสียชีวิตใครจะรับรอง ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะพาไปหาแพทย์เพื่อออกใบรับรอง
นายคำมา ตาแว่น อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/2 หมู่ 15 ต.แม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่ ผู้เป็นลูกชาย กล่าวว่า ครอบครัวมีฐานะยากจนอยู่กันไปตามอัตภาพ แต่เมื่อมีสวัสดิการของรัฐจัดให้ก็น่าจะดีที่คนแก่-ผู้พิการได้เงินช่วยเหลือ แต่เอาเข้าจริงคนในหมู่บ้านก็เห็นกันทั่วว่า มารดาตาบอดสนิททั้งสองข้าง ไปไหนไม่ได้ แต่การช่วยเหลือจากภาครัฐติดระเบียบ ทำให้มารดาของตนเองเข้าไม่ถึงระบบบริการของรัฐนานถึง 2 ปี น่าเสียดายจริงๆ ที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง ส.ส. เลือกตั้งนายก อบต.แทนที่จะมาหาข้อจำกัดของชาวบ้านแล้วหาทางช่วยเหลือแต่ปรากฏว่าไม่มีใครสนใจ
นายเกียรติ คำน้อย ประธานกลุ่มออมทรัพย์เครดิตยูเนี่ยนสร้อยหล้า หมู่ 15 ต.แม่พุง กล่าวว่า การที่นางแดงตาบอดทั้งสองข้างไปไหนมาไหนไม่ได้ ทำมาหากินก็ไม่ได้ สามีของนางแดง อายุมากจนมีอาการป่วยอยู่เรื่อยๆ การช่วยเหลือเบี้ยยังชีพเดือนละ 500 บาทไม่น่าจะต้องให้ชาวบ้านวิ่งเต้นขนาดนั้น ตาบอดเป็นที่ประจักษ์ไม่มีใครหลอกทางราชการ แต่ทางการก็ไม่มีทางออก ความจริงแล้วกรณีของนางแดงน่าจะมีทางออกแต่ทางราชการไม่ใส่ใจผู้พิการมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น อบต. ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน หรือแม่กระทั่งพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแพร่ไม่เคยให้ความสำคัญต่อชาวบ้าน
“ตาบอดมา 2 ปี ทนทุกข์ทรมานกันตามลำพัง อยากให้สื่อมวลชนเอาปัญหานี้ไปตีแผ่ให้เห็น พวกที่มีหน้าที่อยู่กับความสุขสบาย เงินเดือนสูง แต่ไม่สนใจที่จะช่วยชาวบ้าน”
