แพร่ - ชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำยมของเมืองแพร่รวมตัวหารือแก้ปัญหาน้ำยมเซาะตลิ่ง-พัดที่ดินจมหายไปกับสายน้ำ เหลือแค่ใบโฉนดในมือ หลังเรียกร้องรัฐเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้หลายปี แต่ยังเกิดปัญหาซ้ำซาก หวั่นปีนี้น้ำแรงทำบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ถนนหนทางจมหายไปกับกระแสน้ำเพิ่ม
หลังเกิดฝนตกหนักในจังหวัดแพร่จนมีน้ำป่าไหลท่วมชุมชนใน 2 อำเภอ คือ อ.ลอง และ อ.เด่นชัย เมื่อวันที่ 8 และวันที่ 10 มิ.ย. 55 ขณะเดียวกัน สถานีตรวจอากาศจังหวัดแพร่ยังออกคำเตือนฝนจะตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดแพร่ ซึ่งนายเกษม วัฒนธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้สั่งการให้หน่วยราชการทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชน เนื่องจากอาจเกิดน้ำป่าขึ้นอีกในพื้นที่เสี่ยงภัย
ด้านชาวบ้านสองฝั่งแม่น้ำยมที่เป็นจุดเสี่ยงภัยเนื่องจากตลิ่งพังจากการกัดเซาะของกระแสน้ำที่ไหลแรงติดต่อกันหลายปีที่ผ่านมา กำลังหวั่นวิตกว่าช่วงที่ฝนตกหนักแม่น้ำยมจะมีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนส่งผลให้ตลิ่งทรุดตัวมากขึ้น เพราะฤดูน้ำหลากในปี 2554 ที่ผ่านมาปัญหาตลิ่งพังทำให้ที่ดินของชาวบ้านหลายแปลงที่อยู่ริมแม่น้ำใน อ.หนองม่วงไข่ อ.สูงเม่น และ อ.เด่นชัย เหลือเพียงใบโฉนดไม่มีที่ดินเหลืออยู่เลย
ล่าสุดชาวบ้านใน ต.วังหลวง อ.หนองม่วงไข่ จำนวน 160 คน นำโดยนายชัยยานนท์ สอนมา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลวังหลวง ได้รวมตัวกันที่บริเวณจุดตลิ่งพังในหมู่บ้าน เพื่อหารือร่วมกันในการแก้ปัญหาตลิ่งพัง เพราะในปีนี้การทรุดตัวของตลิ่งอาจทำให้ถนนเข้าหมู่บ้านและบ้านเรือนรวมทั้งอาคารอเนกประสงค์และระบบประปาหมู่บ้านอาจทรุดตัวลงแม่น้ำยมทั้งหมด
ชาวบ้านวังหลวงมองว่า ปัญหาตลิ่งพัง และที่ดินที่มีเอกสารสิทธิถล่มหายไปกับสายน้ำถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข โดยจะจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาติดตามการทำงานของทางราชการที่ไม่ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาตลิ่งพัง ซึ่งชาวบ้านต่อสู้มาหลายปี แม้ในปีนี้รัฐบาลมีงบประมาณฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ แต่ชุมชนนี้ไม่ได้รับ มีเพียงกรมเจ้าท่าเข้ามาขุดลอกให้แม่น้ำยมกว้างขึ้นเท่านั้น
และคณะทำงานฯ จะทำข้อมูลผลกระทบทั้งที่ดินโฉนดที่ถล่มไปกับแม่น้ำยมและผลกระทบด้านอื่นๆ นำไปเสนอต่อสภาพัฒนาการเมืองในวันที่ 22 มิถุนายน เพื่อผลักดันให้มีการทำแนวกันตลิ่งพังโดยเร่งด่วนต่อไป
นายชัยยานนท์ สอนมา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.วังหลวง กล่าวว่า ปัญหาตลิ่งพังชาวบ้านสู้มานานกว่า 10 ปี พยายามยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีโครงการสร้างแนวกันตลิ่งพัง ซึ่งในปีนี้ถ้ายังไม่มีแผนรองรับที่ชัดเจน น้ำยมอาจกัดเซาะเข้าถึงบ้านเรือนและสิ่งสาธารณูปโภค อยากให้ภาครัฐให้ความสำคัญต่อปัญหาของชาวบ้านมากกว่านี้
