สุโขทัย - ชาวบ้านริมฝั่งน้ำยมเขตอำเภอศรีสัชนาลัยผวาหนัก หลังเขื่อนบ้านหาดสะพานจันทร์เร่งระบายน้ำทำตลิ่งทรุดยาวร่วม 3 กม. บางช่วงดินพังกินลึกไปใกล้ถึงตัวบ้าน-พื้นใต้ถนนคอนกรีต วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขด่วน หวั่นบ้านเรือนพังเพิ่ม หลังน้ำท่วมใหญ่ครั้งก่อนมีบ้านพังไปแล้วกว่า 30 หลัง
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำยมด้านเหนือเขื่อนบ้านหาดสะพานจันทร์ บริเวณหมู่ 1 หมู่ 2 ต.ศรีสัชนาลัย และฝั่ง ต.ท่าชัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ได้ร้องเรียนว่าขณะนี้ตลิ่งแม่น้ำยมทั้งสองฝั่งตั้งแต่บริเวณสะพานศรีสัชฯ-ท่าชัย ไปจนถึงเขตติดต่อ ต.ป่ากุมเกาะ อ.สวรรคโลก รวมระยะทางประมาณ 3 ก.ม. ได้ถูกน้ำยมกัดเซาะพังเป็นบริเวณกว้าง
โดยบางจุดถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังลึกเข้าไปถึงตัวบ้าน และใต้พื้นถนนคอนกรีตริมแม่น้ำ โดยเฉพาะถนนตรงหน้าบ้านของนายทม นนท์ประสาท บ้านเลขที่ 134 หมู่ 1 ต.ศรีสัชนาลัย นั้นถูกน้ำยมกัดเซาะจนเป็นโพรงลึกเข้าไปครึ่งถนน และเสียหายเป็นระยะทางยาวเกือบ 100 เมตร รถยนต์ที่สัญจรผ่านไปมาต้องใช้ความระมัดระวัง
นายบุญส่ง ลอยฟ้า อายุ 74 ปี ราษฎรในพื้นที่ กล่าวว่า สาเหตุที่ตลิ่งแม่น้ำยมทรุดพังเป็นเพราะถูกน้ำท่วมทุกปี ประกอบกับมีการเปิดประตูเร่งระบายน้ำที่เขื่อนบ้านหาดสะพานจันทร์ ซึ่งปริมาณน้ำที่ลดลงอย่างรวดเร็วนั้นได้พาดินที่ยังอุ้มน้ำอยู่ไหลไปด้วยจึงทำให้ตลิ่งทรุดตัวเร็วกว่าปกติ
“ถ้าน้ำค่อยๆ ลดลงตามธรรมชาติ ดินตลิ่งจะมีโอกาสแห้งและแข็งตัวไม่พังไปกับน้ำ แต่ถ้าเร่งระบายน้ำออกก็จะทำให้ดินที่ยังอุ้มน้ำอยู่ไหลไปกับกระแสน้ำด้วยเช่นกัน”
ทั้งนี้ ชาวบ้านต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งซ่อมแซมถนนคอนกรีตริมแม่น้ำยมตรงหมู่ 1 ต.ศรีสัชนาลัย รวมทั้งให้ดำเนินการป้องกันแนวตลิ่งพังโดยเร็ว เนื่องจากน้ำท่วมที่ผ่านมามีบ้านเรือนที่ปลูกอยู่ริมแม่น้ำยมทรุดพังเสียหายบางส่วนแล้วกว่า 30 หลัง และต่างก็อยู่อย่างหวาดผวาเพราะความเสียหายขยายวงกว้างเพิ่มขึ้นทุกปี คาดว่าน้ำหลากปีนี้ก็จะมีเสียหายเพิ่มอีกด้วย
ด้านนายวิเชียร พรหมพิราม นายกเทศมนตรีตำบลศรีสัชนาลัย กล่าวว่า สำหรับถนนริมแม่น้ำที่พัง ทางเทศบาลฯ ได้มีการตั้งงบซ่อมแซมไว้แล้วเกือบ 600,000 บาท แต่ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้เพราะต้องรอให้ระดับน้ำลดลงเสียก่อน ส่วนการแก้ปัญหาแนวตลิ่งพังคงต้องรองบประมาณจากรัฐบาลในการขุดลอกแม่น้ำยมที่อยู่ด้านเหนือเขื่อนบ้านหาดสะพานจันทร์ เพื่อแก้ไขป้องกันระยะยาวต่อไป
