xs
xsm
sm
md
lg

รวมพลัง 3 นครใหญ่อีสานเปิดเวทียำใหญ่นักการเมืองชั่ว ปลุกพลังเงียบร่วมต่อสู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บริเวณลานกิจกรรม ศาลหลักเมืองขอนแก่น สถานที่จัดเวทีปราศรัย
ศูนย์ข่าวขอนแก่น - รวมพลัง 3 นคร ขอนแก่น-อุดร-โคราช เปิดเวทีปราศรัยถลกหน้ากากนักการเมืองขี้ฉ้อกลางเมืองขอนแก่น เผยรัฐบาล-สภาผู้แทนฯ เป็นที่พึ่งไม่ได้เพราะมุ่งรักษาประโยชน์ตัวเอง ย้ำจุดยืนปกป้องสถาบันกษัตริย์-ศาลรัฐธรรมนูญให้ถึงที่สุด พร้อมเรียกร้องประชาชนที่เป็นพลังเงียบออกมาเคลื่อนไหวไม่ให้กลุ่มนักการเมืองอาศัยเป็นเครื่องมือแสวงผลประโยชน์ต่อไป

เมื่อค่ำวานนี้ (20 มิ.ย.) ตั้งแต่เวลา 17.00-21.00 น.ที่บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เขตเทศบาลนครขอนแก่น ได้มีการเปิดเวทีปราศรัยให้ความรู้ข้อมูลสถานการณ์ด้านการเมือง ภายใต้หัวข้อ อนาคตประเทศไทย..อนาคตคนไทยทั้งชาติ..สังคมดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องร่วมสร้าง ซึ่งเป็นการรวมพลังกันขับเคลื่อนจัดกิจกรรมของ 3 นครใหญ่เมืองอีสาน ขอนแก่น นครราชสีมา และอุดรธานี โดยมีกลุ่ม “ขอนแก่นเสรี” เป็นโต้โผเปิดเวทีปราศรัยดังกล่าว มีประชาชนชาวขอนแก่น โคราช อุดรธานีเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยหนาตา

โดยมีวิทยากรชื่อดัง เช่น นายบวร ยสินธร จากกลุ่มราษฎรอาสาปกป้อง 3 สถาบัน(คณะอนุรักษ์ฯ) อ.คมสัน โพธิ์คง หนึ่งในคณาจารย์ผู้ก่อตั้งกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ และ อ.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย เจ้าของสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยให้ข้อเท็จจริงที่มาที่ไปของปมปัญหาการเมืองไทยที่มีความแตกแยกกันขัดแย้งกันอยู่ทุกวันนี้เพราะมีความพยายามที่จะรวบอำนาจการบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทย ที่มีอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ริเริ่มและบงการชี้นำรัฐบาลอยู่ในขณะนี้

โดยเฉพาะประเด็นปัญหาล่าสุดที่พรรคเพื่อไทยซึ่งมีเสียงข้างมากในสภาฯ พยายามจะผลักดันให้ออกกฎหมายปรองดองและให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอันมีเป้าหมายสูงสุดคือช่วยเหลือล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคพวกกลับมามีอำนาจได้เช่นเดิม และล้างระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไปสู่การปกครองแบบรัฐไทยใหม่ ซึ่งทั้ง 2 ประเด็นร้อนดังกล่าวมีประชาชนจำนวนมากต่อต้านและออกมาชุมนุมคัดค้าน

อ.คมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และเป็นหนึ่งในคณาจารย์ผู้ก่อตั้งกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ กล่าวว่า การมารวมตัวของพี่น้องประชาชนครั้งนี้เพื่อต้องการแสดงพลังให้คนบางคนบางกลุ่มเห็นว่ายังมีคนจำนวนมากในแผ่นดินนี้ที่เทิดทูนสถาบันกษัตริย์และน้อมรับในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ว่าบางครั้งเราอาจจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินของศาล แต่เมื่อท่านตัดสินแล้วเราก็ต้องเคารพ แต่สำหรับคนบางคนแล้วหากศาลตัดสินวินิจฉัยคดีให้ตนเองเป็นฝ่ายถูกต้องก็ถูกใจ ออกมายกย่องชมเชยว่าตัดสินด้วยความยุติธรรม ในทางกลับกัน หากศาลท่านตัดสินให้ตัวเองเป็นฝ่ายผิดก็จะออกมาโวยวาย โจมตีหาว่าบ้านนี้เมืองนี้มีสองมาตรฐาน ตัดสินคดีไม่ยุติธรรม

กรณีของศาลรัฐธรรมนูญเอง เมื่อครั้งตอนวินิจฉัยการออก พ.ร.บ.เงินกู้แก้วิกฤตน้ำท่วมว่ามีความชอบธรรมตามกฎหมาย บรรดาพรรคเพื่อไทยก็ออกมาสรรเสริญเยินยอว่าวินิจฉัยด้วยความยุติธรรม แต่หลังจากนั้นไม่เกิน 3 เดือนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำร้องให้รัฐสภาชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คนกลุ่มเดียวกันนี้ก็ออกมาโวยวายว่าไม่ยุติธรรม พร้อมกับดาหน้าออกมาโจมตีตุลาการรัฐธรรมนูญต่างๆ นานาจนเสียหายเสื่อมเสีย นั่นหมายความว่าไม่ว่ากรณีใดก็ตามหากศาลตัดสินไม่เป็นไปอย่างที่ตนเองต้องการก็ถูกผลักถูกให้ร้ายว่าไม่ดี ไม่มีความยุติธรรมเช่นนั้นหรือ

ดังนั้น การที่พวกเรามารวมตัวกันแสดงออกถึงพลังของคนรักชาติ รักความยุติธรรม ปกป้องสถาบันหลักเสาค้ำสำคัญของชาติจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง พวกเราจะนิ่งเฉยดูดายไม่ได้ หากไม่เช่นนั้นประเทศนี้จะมีแต่ปัญหาเพราะถูกเผด็จการครองเมือง บ้านเมืองหาความชอบธรรมไม่ได้ ถือเป็นหน้าที่ของพลเมืองดีที่ต้องออกมาปกป้องรักษาบ้านเมืองไม่ให้กลุ่มคนชั่วร้ายครอบงำหวังจะใช้อำนาจเผด็จการชี้ผิดชี้ถูกเองโดยที่ประชาชนอย่างเราได้แต่นั่งดูเฉยๆ

ด้านนายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ รองประธานหอการค้าภาคอีสาน ผู้ประกอบการอิสระจาก จ.นครราชสีมา กล่าวว่า เสาค้ำหลักสำคัญของชาติ 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และตุลาการ ทุกวันนี้ประชาชนแทบจะไม่สามารถพึ่งพิงได้ หลังจากล่าสุดมีคนบางกลุ่มพยายามโจมตีลดทอนความน่าเชื่อถือของอำนาจตุลาการเพียงเพราะปฏิบัติหน้าที่ไม่เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องตัวเอง ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นสถาบันที่ทุกฝ่ายต้องเคารพนับถือ น้อมรับคำวินิจฉัยไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม

ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติหรือบรรดาผู้แทนราษฎรในสภาฯ และฝ่ายบริหารหรือคณะรัฐมนตรีนั้น ทุกวันนี้พิสุจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถไว้วางใจหรือเป็นที่พึ่งเป็นความหวังของประชาชนชาวไทยได้เลย พวกเขาไม่ได้คำนึงถึงทุกข์สุขของประชาชนอย่างเราๆ มุ่งแต่ใช้อำนาจเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเพียงอย่างเดียว ดังนั้นพวกเราต้องออกมาแสดงพลังในฐานะเสาค้ำที่ 4 ของชาติ ออกมาเรียกร้องทวงสิทธิในฐานะเจ้าของประเทศ จะอยู่นิ่งเฉยดูดายปล่อยให้นักการเมืองขี้ฉ้อบั่นทอนความมั่นคงของชาติต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

“พฤติกรรมล่าสุดของรัฐบาลที่พวกเราจะยอมไม่ได้คือ การให้สหรัฐอเมริกามาใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อภารกิจอะไรสักอย่างที่ยังถูกปิดบังอยู่ ถือเป็นการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน และประเด็นนี้จะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศจีนต้องไม่พอใจ เมื่อจีนไม่พอใจแล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย รัฐบาลเคยคิดบ้างไหม”

นายทวิสันต์กล่าวต่อว่า วิกฤตบ้านเมืองที่เป็นอยู่ตอนนี้อยากเรียกร้องเชิญชวนบรรดาพ่อค้านักธุรกิจทั้งหลายให้ออกมาแสดงพลังออกมาเคลื่อนไหวส่งสัญญาณให้รัฐบาล ให้นักการเมืองได้รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่ไม่ถูกต้อง มีคนไทยอีกจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายหรือแนวทางการบริหารงานของรัฐบาล จะนิ่งเฉยต่อไม่ได้ อย่ามัวแต่ห่วงภาพลักษณ์ ห่วงธุรกิจ เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองอีกเลย ลองคิดดูว่าหากไม่เหลือแผ่นดินให้อยู่ พวกคุณจะทำธุรกิจอะไร จะทำมาหากินบนแผ่นดินนี้ได้อีกหรือ

ครั้งนี้ถือเป็นการต่อสู้ยกสุดท้ายที่พวกเราจะร่วมกันแสดงพลังเพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปกป้องสถาบันตุลาการเสาค้ำสำคัญของชาติ และที่สำคัญคือการปกป้องสถาบันกษัตริย์ให้คงอยู่สืบไป จะไม่ให้พวกนักการเมืองบ้าอำนาจมาก้าวล่วงได้อีก สถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้หากประชาชนคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้านักธุรกิจยังนิ่งเฉยไม่ออกมาร่วมแสดงพลัง แล้วจะเสียใจภายหลังเมื่อไม่เหลืออะไรแม้แต่แผ่นดินจะอยู่

ด้านนายวิฑูรย์ กมลนฤเมธ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นในฐานะผู้ประสานงานกลุ่มขอนแก่นเสรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องที่ดีที่การจัดกิจกรรมเปิดเวทีปราศรัยครั้งนี้ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนค่อนข้างมาก และทางกลุ่มจะขับเคลื่อนกิจกรรมต่อไปภายใต้เจตนารมณ์ปกป้องสถาบันกษัตริย์ที่คนไทยเทิดทูนเหนือสิ่งอื่นใด ปกป้องตุลาการรัฐธรรมนูญ ต่อจากนี้ไปพวกเราจะติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างใกล้ชิด จับตาการทำงานของนักการเมืองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รู้เท่าทันนักการเมือง

ทั้งนี้ หากมีเหตุการณ์หรือสถานการณ์ใดที่จะทำให้ผลประโยชน์ประเทศชาติสูญเสีย พวกเราจะออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิในฐานะประชาชนเจ้าของประเทศทันที พวกเราจะไม่ยอมนิ่งเฉยดูดายต่อไปอีกแล้ว และอยากเรียกร้องให้ประชาชนซึ่งเป็นพลังเงียบมาโดยตลอดในจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสานได้แสดงออก เพื่อไม่ให้กลุ่มบุคคลหรือกลุ่มการเมืองใดๆ นำประชาชนไปกล่าวอ้างอิงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง



นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ รองประธานหอการค้าภาคอีสาน
บวร ยสินทร
คมสันต์ โพธิ์คง
วิฑูรย์ กมลนฤเมธ
กำลังโหลดความคิดเห็น