พะเยา - เมืองกว๊านฯ ระดมคน-เครื่องจักรลุยกำจัดผักตบชวาเหนือสะพานขุนเดชเปิดทางน้ำ หลังนายกรัฐมนตรีสั่งดำเนินการพร้อมทำแผนสร้าง “แก้มลิง” แก้ไขปัญหาภัยแล้ง-น้ำท่วมเมืองพะเยา
วันนี้ (15 มิ.ย.) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยนายชนะ แพ่งพิบูลย์ ปลัดจังหวัด นายวรวิทย์ บูรณศิริ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรอบกว๊านพะเยา ได้นำกำลัง ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ อส., เทศบาลเมืองพะเยา, กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 ค่ายพญางำเมือง, ทหารจากค่ายขุนเจืองธรรมิกราช, เทศบาลเมืองพะเยา, สำนักงานโยธาธิการ และผังเมืองจังหวัด และ อปพร.
พร้อมเครื่องจักรเข้าทำการกำจัดผักตบชวาที่บริเวณกว๊านพะเยาเหนือสะพานขุนเดช ต.บ้านต๋อม อ.เมืองพะเยา หลังนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งให้เร่งดำเนินการกำจัดผักตบชวาเพื่อเปิดทางน้ำป้องกันปัญหาน้ำท่วมก่อนฤดูฝนที่จะมาถึง
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ลงเรือดูการกำจัดผักตบชวาที่บริเวณเหนือกว๊านพะเยา หลังจากนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เร่งกำจัดผักตบชวาที่บริเวณเหนือสะพานขุนเดชแห่งนี้ พร้อมกับการทำแผนโครงการ “แก้มลิง” นั้น และในวันนี้จังหวัดได้มีการระดมสรรพกำลังทั้งคน และเครื่องจักรเข้าดำเนินการทันที บนพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในอีก 7 วันข้างหน้านี้ โดยใช้งบประมาณพิเศษในอำนาจผู้ว่าฯ และงบประมาณของสำนักงานชลประทานที่ 2 จ.ลำปาง เป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ซึ่งได้อนุมัติไปแล้ว
นอกจากนี้ จะต้องมีการเฉือนดินที่บริเวณด้านข้างทั้งสองฝั่งเพื่อขยายทางน้ำให้ไหลได้สะดวกในฤดูน้ำหลาก ซึ่งทั้งหมดคาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณไม่เกิน 1 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ จังหวัดพะเยามีโครงการขุดลอกลำน้ำอิงราว 25 กิโลเมตรจากหนองเล็งทรายถึงกว๊านพะเยา ซึ่งรัฐบาลอนุมัติงบประมาณแล้วกว่า 108 ล้านบาท
นอกจากนี้ จังหวัดยังมีโครงการที่จะเสนอของบประมาณจากรัฐบาลอีกกว่า 260 ล้านบาท ในการทำแก้มลิงกักเก็บน้ำเหนือกว๊านพะเยา 2 แห่ง โดยกรมชลประทาน แห่งแรกคือ แก้มลิงเหนือสะพานขุนเดช บนพื้นที่ 500 ไร่ ด้วยงบประมาณ 150 ล้านบาท และแห่งที่สอง แก้มลิงหนองแฮด บนพื้นที่ 80 ไร่ ด้วยงบประมาณ 25 ล้านบาท รวมถึงประตูน้ำ บ้านต๊ำนกกก จำนวน 50 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำบ้านร่องห้า-ป่าสัก อีก 35 ล้านบาท โดยจังหวัดจะเร่งดำเนินการเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และอุทกภัยอย่างยั่งยืน