กาญจนบุรี - สัตวแพทย์ลงมือผ่าเท้าช้างป่าสลักพระ พบหัวกระสุนลูกโดดฝังตรงข้อต่อ 1 ลูก ขณะที่ผลการผ่าซากเสือโคร่งที่เสียชีวิตในวัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน พบมีรอยฟกช้ำตามลำตัว เล็บแตก หลอดลมพบคราบสีขาวผิดปกติ พร้อมตัดชิ้นส่วนพิสูจน์อย่างละเอียด ด้านตำรวจส่งทีมสืบสวนเข้าพื้นที่ใกล้จุดช้างตายหาข่าวคนยิงช้าง
เวลา 13.00 น. วันนี้ (7 มิ.ย.) ทีมสัตวแพทย์จาก ม.มหิดล วิยาเขตกาญจนบุรี นำโดยนายสัตวแพทย์ ดร.มาโนชญ์ ยินดี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิทยาเขต คณะสัตวแพทย์ ม.มหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ได้ร่วมกับสัตวแพทย์หญิงทิพาพรรณ ปานลักษณ์ สัตวแพทย์ปฏิบัติการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 ทำการผ่าซากเสือโคร่งเพศเมีย อายุ 1 ปี 1 เดือน โดยเสือตัวดังกล่าวเสียชีวิตในวัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยมีนายประดุง จิตระออน หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอุทยานศรีนครินทร์ เดินทางมาสังเกตการณ์
โดยคณะสัตวแพทย์ได้ทำการตรวจวัดร่างกายของเสือทุกส่วนอย่างละเอียด จากนั้นจึงลงมือทำการผ่าซากเพื่อนำชิ้นส่วนไปพิสูจน์ ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
ต่อจากนั้น ได้ทำการผ่าซากชิ้นเนื้อเท้าช้างป่าสลักพระที่เสียชีวิตจากการโดนคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง พบกระสุนปืนลูกโดดฝังอยู่ที่บริเวณข้อเท้าในด้านขวา โดยกระสุนถูกยิงเข้าที่บริเวณระหว่างกระดูกข้อต่อของข้อเท้าพอดี และเป็นสาเหตุทำให้กระดูกข้อเท้าช้างแตก ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่จะล้มตายในที่สุด
นายสัตวแพทย์ ดร.มาโนชญ์ ยินดี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิทยาเขต คณะสัตว์แพทย์ ม.มหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ผลการผ่าพิสูจน์ซากเสือเพศเมียเพื่อพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตพบว่า เสือตัวดังกล่าวมีรอยฟกช้ำตามผิวหนัง และลำตัวหลายแห่ง รวมทั้งมีบาดแผลบริเวณลำคอ
ส่วนเล็บเสือทั้ง 4 ข้างนั้น แตกหักคล้ายกับมันได้ตะกายของแข็งอย่างต่อเนื่องจนทุรนทุรายอย่างทรมาน ก่อนจะเสียชีวิตลง นอกจากนั้น ยังตรวจพบว่า บริเวณหลอดลมมีคราบสีขาวติดอยู่ดูคล้ายกับคราบเกลือ แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นคราบอะไร ดังนั้น เพื่อความแน่ชัด จึงได้ตัดชิ้นส่วนที่พบคราบสีขาว พร้อมทั้งตับ และกระเพาะนำไปพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง คาดว่าอีก 2 อาทิตย์ก็จะทราบผล
ส่วนผลการผ่าเท้าของช้างป่าสลักพระ ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตนั้น ล่าสุด ผลการผ่าพบกระสุนซองแบบลูกโดดอีก 1 นัด ฝังอยู่ที่บริเวณกระดูกข้อต่อของข้อเท้าพอดี เป็นสาเหตุทำให้กระดูกเท้าแตก ทั้งนี้ กระสุนชนิดดังกล่าวยังไม่ทราบว่าเป็นขนาดใด ซึ่งได้ส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ นำไปตรวจสอบ และมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.บ่อพลอย เก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ด้านนายประดุง จิตระออน หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอุทยานศรีนครินทร์ เปิดเผยว่า ตนได้รับการสั่งการจากนายยุทธชัย ปัทมสนธิ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ให้นำซากเสือมาผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิต โดยหลังจากทราบผลการผ่าพิสูจน์จากคณะสัตวแพทย์ตนจะรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป
ในส่วนของซากเสือหลังการผ่าพิสูจน์ ตนจะได้ปรึกษากับทางคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดลฯ ว่า จะเก็บซากเสือไว้ที่โรงพยาบาลปศุสัตว์และสัตว์ป่าก่อนได้หรือไม่ แต่ถ้าหากทางโรงพยาบาลไม่สะดวก หรือไม่พร้อม ตนก็จะนำซากเสือไปเก็บรักษาเอาไว้ที่สำนักงานที่ทำการของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯ ด้วยการแช่แข็ง
ทั้งนี้ หลังจากที่เสือตัวดังกล่าวเสียชีวิต นายสัตวแพทย์สมชัย วิเศษมงคลชัย ผู้ดูแลเสือของวัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน ได้มีความเห็นว่า น่าจะน้ำซากเสือไปทำการสตัฟฟ์เอาไว้เพื่อเป็นกรณีศึกษาของเยาวชน ซึ่งตนได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบไปก่อนหน้านั้นแล้ว ล่าสุด นายยุทธชัย ปัทมสนธิ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ได้สั่งการให้ทำลายซากเสือตามขั้นตอนการปฏิบัติของกรมอุทยานฯ
ทางด้าน พ.ต.อ.ชินภัทร ตันศรีสกุล รอง ผบก.ตร.ภ.จว.กาญจนบุรี หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีคมร้ายยิงช้างป่าสลักป่าเสียชีวิต เปิดเผยว่า พล.ต.ต.โชติ วีรเดชกำแหง ผบก.ตร.ภ.จว.กาญจนบุรีได้ให้นโยบายให้เร่งสืบสวนหาข่าวเพื่อคลี่คลายคดีนี้ให้ได้ ตอนนี้รอสัตวแพทย์ทำการผ่าพิสูจน์ชิ้นส่วนช้างที่คาดว่าน่าจะมีหัวกระสุน และอีกด้านหนึ่งทีมสืบสวนจังหวัดกาญจนบุรี และสืบสวน สภ.บ่อพลอย ลงพื้นที่หาข่าวในกลุ่มเป้าหมายที่ใกล้เคียงจุดที่พบช้าง และชุมชนใกล้เคียงที่เจ้าหน้าที่เขตฯ สลักพระรับแจ้งข่าวเบื้องต้น ตรงนี้ต้องใช้เวลาพอสมควรในการสืบสวนเพื่อหาหลักฐานใช้ในการสอบสวนต่อไป