xs
xsm
sm
md
lg

รองอธิบดี อช.นำทีมสัตวแพทย์บุกป่าผ่าตัดช่วยช้างป่าวัย 50 ปีที่ถูกยิงสำเร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - รองอธิบดีอุทยานแห่งชาตินำทีมสัตวแพทย์ ม.มหิดล บุกป่าผ่าตัดช่วยช้างป่าวัย 50 ปี หลังถูกยิงได้บาดเจ็บสาหัสใช้เวลานาน 2 วันจึงสามารถฉีดยาสลบสำเร็จ ก่อนเร่งทำแผล พบถูกยิง 9 รู คาดอีก 10 วันอาการทุเลา พร้อมส่ง จนท.เฝ้าติดตามทุกฝีก้าว

เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (3 มิ.ย.) นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมนายเอิบ เชิงสะอาด ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ และนายธนะชาติ เอี่ยมสุขประเสริฐ หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 สปป.ที่ 1 (ภาคกลาง) พร้อมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ากว่า 50 นาย ได้สนธิกำลังกับอาจารย์นายสัตวแพทย์ ดร.มาโนชญ์ ยินดี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิทยาเขต คณะสัตวแพทย์ ม.มหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี สัตวแพทย์หญิงสรรธิดา ห.เพียรเจริญ สัตวแพทย์ ประจำโรงพยาบาลปศุสัตว์ และสัตว์ป่า ม.มหิดล ได้ร่วมลงพื้นที่ไปยังเขตพื้นที่ป่าชายขอบติดต่อเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ พื้นที่หมู่ 10 บ้านเขาสิงโต ต.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เพื่อร่วมพื้นที่ปฏิบัติการเข้าช่วยเหลือช้างป่าเพศเมีย อายุประมาณ 50 ปี สูงประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 3 เมตร น้ำหนักตัวประมาณ 2 ตันที่ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองยิงเข้าที่บริเวณขาซ้ายด้านหลัง ที่อาการบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากบาดแผลเริ่มอักเสบ จนทำให้ช้างตัวดังกล่าวไม่สามารถเดินทางกลับเข้าฝูงในเขตฯ สลักพระได้

โดยเมื่อคณะของนายธีรภัทรเดินทางไปถึง พบกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เฝ้าดูอาการช้างตัวดังกล่าว ซึ่งช้างได้หลบไปซ่อนตัวอยู่ในสวนยูคาลิปตัส จากนั้น นายธีรภัทร และนายสัตวแพทย์ ดร.มาโนชญ์ ได้เดินทางเข้าดูสถานการณ์ พบช้างมีอาการบาดเจ็บมาก มีบาดแผลเกิดจากรอยกระสุนปืนตามร่างกายหลายจุด

รองอธิบดีกรมอุทยานฯ จึงวางแผนในการปฏิบัติคือ ใช้ปืนยิงยาสลบ จากนั้นจึงให้ทีมสัตวแพทย์เข้าไปทำการตรวจรักษาอาการบาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่ได้เริ่มยิงยาสลบจำนวน 1 ครั้ง แต่ช้างยังไม่มีอาการซึม เจ้าหน้าที่จึงต้องยิงยาสลบอีก 1 ดอก ใช้เวลารอคอยนานกว่า 1 ชั่วโมง ช้างจึงมีการซึม และยืนหมดสติอยู่กลางป่า หลังจากนั้น นายธีรภัทร และนายสัตวแพทย์ ดร.มาโนชญ์ และทีมสัตวแพทย์ได้เข้าไปทำการตรวจอาการบาดเจ็บ พบมีแผลที่ถูกกระสุนจำนวนมาก และมีอาการติดเชื้อแผลเริ่มเน่ามีหนอง และเกิดตัวหนอน โดยบาดแผลส่งกลิ่นเหม็น และมีแมลงวันตอมจำนวนมาก

ต่อจากนั้น นายสัตวแพทย์ ดร.มาโนชญ์ ได้นำทีมสัตวแพทย์ และนายธีรภัทร เข้าทำการผ่าตัดแผล และทำความสะอาด โดยใช้มีดผ่าตัดผ่าเปิดปากแผล และงัดเอาหัวกระสุนที่เป็นตะกั่วขนาดประมาณเม็ดถั่วเขียวออกมาจากแผล ซึ่งมีหนอง และตัวหนอนขนาดยาวประมาณ 1 ซม.จำนวนมาก

จากการตรวจสอบพบบาดแผลที่ถูกยิงทั้งหมด 9 จุด คือ บริเวณโคนขาหลังซ้ายจำนวน 4 รู ที่บริเวณโคนหาง 2 รู ที่อวัยวะเพศ 1 รู ที่ข้อเท้าขวา 1 แผล และที่ข้างลำตัวด้านซ้าย 1 รู ต่อจากนั้น นายสัตวแพทย์ ดร.มาโนชญ์ ได้ทำการฉีดน้ำเกลือเพื่อทำความสะอาดและทายาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อโรค หลังจากนั้น ทำการตรวจสภาพร่างกายพบว่า ตาด้านขวาของช้างบอด และมีอาการอักเสบ ซึ่งการดำเนินการใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ

หลังปฏิบัติการ นายสัตวแพทย์ ดร.มาโนชญ์ ยินดี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิทยาเขต คณะสัตวแพทย์ ม.มหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี หัวหน้าทีมสัตวแพทย์ เปิดเยว่า ในเบื้องต้นพบว่าช้างมีอาการบาดเจ็บมาก โดยบาดแผลเริ่มปากแผลปิดเกิดอาการอักเสบ ด้านในมีหนองและเริ่มมีตัวหนอนที่มาจากแมลงตอมแผล มีกลิ่นเหม็นรุนแรง ได้ทำการเปิดแผลและแคะหนองออกจำนวน 9 แผล จากนั้นทำความสะอาด โดยใช้ยาฆ่าเชื้อยาปฏิชีวนะ และฉีดยาบำรุงเลือดให้ คาดว่าอาการน่าจะดีขึ้น

ด้านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ทางกรมอุทยานฯ ได้รับแจ้งตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.2555 ที่ผ่านมา และมีการลงพื้นที่ตามหาช้างตลอด แต่เพิ่งพบตัวช้างโดยทีมปฏิบัติการร่วมของกรมอุทยานฯ คณะสัตวแพทย์จาก ม.มหิดล และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระได้ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือช้างตัวนี้เริ่มตั้งแต่เมื่อวานนี้ เราเข้าพื้นที่ และพยายามที่จะช่วยเหลือ แต่ช้างไม่สลบ จึงไม่สามารถช่วยได้ ดังนั้น จึงเริ่มใหม่ในวันนี้ จนประสบความสำเร็จ ซึ่งในส่วนนี้ถือว่าน่าจะช่วยช้างได้

“จากนี้ต่อไปเราก็จะส่งเจ้าหน้าที่ติดตามดูแลจนกว่าช้างจะแข็งแรงและเข้าไปรวมกับโขลงในป่าได้ สิ่งหนึ่งที่ต้องการบอกแก่ชุมชนต่างๆ ว่า หากพบช้างป่าออกมาในพื้นที่ทำกินอย่าไปทำร้ายเลย ช่วยโทร.แจ้งไปที่สายด่วน 1362 ทางกรมอุทยานฯ จะส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลและหากช้างเข้าทำความเสียหายต่อพืชผลของท่าน เราก็มีกองทุนช่วยช้างที่จะมาช่วยเยียวยาความเสียหายนี้ให้ ขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาเพื่ออนุรักษ์ช้างป่าให้อยู่คู่กับป่าต่อไปในอนาคต”
กำลังโหลดความคิดเห็น