ศูนย์ข่าวศรีราชา - หนุ่มโรงงานมิตซูฯ อมตะนคร ควบเก๋งมุ่งหน้าจะไปทำงานยามเช้าตรู่ที่ชลบุรี ถูกคู่ปรับซิ่งกระบะประกบยิงด้วย 9 มม.ไม่ยั้ง กระสุนทะลุกระจกรถเข้าหัวผู้ตาย 5 นัดซ้อน และที่แขนลำตัวอีกหลายนัดด้วยกัน จนรถเสียหลักชนเสาไฟฟ้าริมถนนสุขุมวิท
เวลา 05.00 น.วันนี้ (6 มิ.ย.) พ.ต.อ.กิติพัฒน์ พงษ์พนัส ผกก.สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก พ.ท.ท.เริงศักด์ สุขเจริญ เจ้าหน้าที่ร้อยเวร สภ.เสม็ด ว่ามีเหตุยิงกันเสียชีวิตคารถ 1 รายที่บริเวณถนนสุขุมวิท หน้าบริษัทขายรถยนต์โฟล์ค ม.6 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี หลังจากที่ได้รับแจ้งแล้วได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส หมายเลขทะเบียน ษจ 2063 กทม. ชนกับเสาไฟฟ้าสภาพด้านหน้าพังยับเยิน ภายในรถมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อว่านายสำพรรณ วันทายนต์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120/3 ม.8 ต.คลองแม่ราย อ.เมือง จ.กำแพงเพชร บริเวณตัวรถเก๋งและกระจกรถ ของผู้ตายมีรอยกระสุนปืนจำนวน 13 นัด
หลังจากที่เจ้าหน้าที่แพทย์และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานเดินทางมาถึงได้เข้าตรวจสอบผู้ตายในรถ พบนายสำพรรณเสียชีวิตคาพวงมาลัย สภาพที่ศีรษะมีรอยกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 5 รู และที่แขน 2 รู คอ 1 รู รวม 8 จุด ส่วนที่ตัวรถและกระจกนั้นมี 13 รูด้วยกัน
จากการสอบถามนายตา ผู้เห็นเหตุการณ์ในเบื้องต้นเผยว่า ตนได้เห็นรถกระบะสีดำไม่ทราบรุ่น ภายในรถมีชายฉกรรจ์ 4-5 คนพร้อมอาวุธครบมือขับขี่รถยนต์มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองชลบุรี แล้วใช้อาวุธปืนสั้นไล่ยิงรถของผู้ตายดังสนั่นหวั่นไหว จนรถของผู้ตายวิ่งเสียหลักมาชนเสาไฟฟ้าหน้าบริษัทรถยนต์ดังกล่าว แต่กลุ่มชายที่มากับรถยังจอดรถดูเพื่อความแน่ใจว่าใครออกมานอกรถ ก่อนที่จะขับรถกระบะหลบหนีไป หลังจากนั้นตนจึงได้โทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบเรื่อง แล้วเข้าไปดูที่รถพบว่าผู้ขับขี่ คือ นายสำพรรณ นั้นเสียชีวิตคารถไปแล้ว
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ร้อยเวรทราบว่า นายสำพรรณทำงานเป็นพนักงานเจ้าหน้าหน้าที่ฝ่ายประกอบรถยนต์ในบริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด แต่ยังไม่ทราบสาเหตุของการฆ่ากันตายในครั้งนี้จะต้องรอญาติมาติดต่อ และสอบถามว่านายนายสำพรรณเคยมีเรื่องกับใครที่ไหนมาหรือไม่ เนื่องจากการยิงครั้งนี้คนร้ายมุ่งเอาชีวิตผู้ตายอย่างเดียว และยังชำนาญการใช้อาวุธปืนอย่างมาก เพราะจุดที่คนร้ายยิงนั้นเข้าเป้าหมายจุดสำคัญเกือบทั้งหมด ส่วนจะเป็นอาวุธปืนกี่กระบอกนั้นต้องรอการพิสูจน์จากทางกองพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง