ฉะเชิงเทรา-โชวห่วยช่วยชาติแปดริ้วพร้อมขยับ ขณะร้านค้าสั่งของวันแรกผ่านระบบไปรษณีย์ไทยมีปัญหาอื้อ ด้านรองพ่อเมืองแปดริ้ว เผยมีร้านค้าเตรียมพร้อมเข้าร่วมโครงการระยะแรกกว่า 70 ร้านค้า เชื่อช่วยลดปัญหาค่าครองชีพของประชาชนได้มาก หลังจากเปิดตัวโครงการ
วันนี้ (24 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยสำนักงานการค้าภายในจังหวัดฉะเชิงเทราได้เริ่มเปิดดำเนินการให้ร้านค้าปลีกในท้องถิ่น จากตำบลต่างๆ ทั่วทั้งจังหวัด ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการร้านค้าถูกใจ หรือโชวห่วยช่วยชาติ ตามโครงการแก้ไขปัญหาปากท้อง ลดค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งถือเป็นปัญหาเร่งด่วนของรัฐบาลชุดนี้ ทำการสั่งซื้อสินค้าจากองค์การคลังสินค้าเข้ามาวางจำหน่ายภายในร้านค้าเป็นวันแรกผ่านทางระบบไปรษณีย์ไทยดำเนินการ
ปรากฏว่า ร้านค้าผู้สมัครใจเข้าร่วมโครงการต้องประสบปัญหาต่างๆ มากมายในการสั่งซื้อ ทั้งปัญหาในเรื่องของการทำความเข้าใจ ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับการสั่งซื้อทางไปรษณีย์ ที่ยังไม่เข้าใจในความชัดเจนด้านกระบวนการสั่งซื้อเกี่ยวกับระยะเวลาในการสั่งซื้อ ซึ่งเดิมนั้นได้มีการกำหนดไว้ว่า ให้ร้านค้าสั่งซื้อสินค้าได้เฉพาะในช่วงของต้นสัปดาห์ หรือในช่วงของวันจันทร์ และอังคาร ในแต่ละสัปดาห์ แต่ภายหลังได้มีการเปลี่ยนแปลงการสั่งซื้อใหม่ให้ร้านค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบไปรษณีย์ได้ทุกวัน โดยที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานไปรษณีย์นั้น ยังไม่ทราบ และยังไม่ยินยอมรับรายการสั่งซื้อจากร้านค้าในวันนี้
นอกจากนี้ ร้านค้าจำนวนมากยังคงเกิดความสับสนต่อข้อกำหนดในการสั่งซื้อสินค้าบางรายการในด้านปริมาณของการสั่งซื้อเข้ามาวางจำหน่ายภายในร้าน เนื่องจากสินค้าบางอย่างนั้นได้มีข้อกำหนดในการสั่งซื้อที่จำนวนขั้นต่ำไว้ในปริมาณมาก เช่น แปรงสีฟันบางยี่ห้อนั้น ให้ร้านค้าสั่งซื้อขั้นต่ำมากถึง 12 โหล หรือจำนวน 144 ด้าม ซึ่งเกินกว่าความจำเป็นต่อจำนวนประชากรในแต่ละตำบลนั้นๆ เนื่องจาก แปรงสีฟันแต่ละด้ามนั้นมีอายุการใช้งานนานถึงประมาณ 3 เดือน จึงยากต่อการที่จะจำหน่ายให้หมดจากร้านไปได้โดยง่าย รวมถึงแชมพูที่ใช้เฉพาะสำหรับเด็กอ่อนบางยี่ห้อนั้นได้กำหนดการสั่งซื้อขั้นต่ำไว้ที่ 6 โหล หรือ 72 ขวด ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะจำหน่ายให้หมดไปโดยง่าย เนื่องจากบางตำบลนั้นอาจไม่มีเด็กเกิดใหม่เลย หรือมีอัตราการเกิดในพื้นที่น้อย
ขณะเดียวกัน ยังมีร้านค้าบางร้านได้ตั้งข้อสังเกตไปถึงราคาจำหน่ายสินค้าจำพวกนมสดยูเอชที บางยี่ห้อ ผู้ขายมีผลกำไรจากการจำหน่ายแค่เพียง 0.25 บาท หรือ 25 สตางค์ต่อกล่องเท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มค่าต่อการแช่เย็น ขณะที่ราคาจำหน่ายปลีกของสินค้าบางอย่างกลับไม่แตกต่างไปจากราคาที่มีการวางจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป
ด้านนางสุมิตรา ศรีสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ขณะนี้มีร้านค้าปลีกในจังหวัดฉะเชิงเทรา สนใจเข้าร่วมโครงการในระยะแรกมากถึง 78 ร้าน หรือคิดเป็นร้อยละ 76 ของจำนวนร้านค้าเป้าหมายของจังหวัด คือ 103 ร้านค้า แต่ยังคงมีความเป็นกังวลเกี่ยวกับการจัดส่งสินค้า หากสินค้าภายในแต่ละร้านค้านั้นหมดลงไม่พร้อมกัน และมาไม่พร้อมกัน หรือการสั่งซื้อไม่พร้อมกันจนเป็นอุปสรรคในการจัดส่งจนทำให้สินค้ามาล่าช้ากว่าความต้องการประชาชนก็จะไม่ได้รับความสะดวก จนนำไปสู่ความไม่สนใจในโครงการนี้เท่าที่ควร
แต่หากโครงการสามารถดำเนินการไปได้ตามเป้าหมาย เชื่อว่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนได้อย่างมาก เนื่องจากร้านค้าเหล่านี้จะมีการกระจายกันออกไปในทุกตำบล หากสินค้าราคาถูกจริง ประชาชนก็จะหันเข้ามาซื้อสินค้าในร้านค้าถูกใจ เพราะจะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลงได้ และยังไม่ต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าไปหาซื้อสินค้าราคาถูกถึงในตัวเมือง
วันนี้ (24 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยสำนักงานการค้าภายในจังหวัดฉะเชิงเทราได้เริ่มเปิดดำเนินการให้ร้านค้าปลีกในท้องถิ่น จากตำบลต่างๆ ทั่วทั้งจังหวัด ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการร้านค้าถูกใจ หรือโชวห่วยช่วยชาติ ตามโครงการแก้ไขปัญหาปากท้อง ลดค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งถือเป็นปัญหาเร่งด่วนของรัฐบาลชุดนี้ ทำการสั่งซื้อสินค้าจากองค์การคลังสินค้าเข้ามาวางจำหน่ายภายในร้านค้าเป็นวันแรกผ่านทางระบบไปรษณีย์ไทยดำเนินการ
ปรากฏว่า ร้านค้าผู้สมัครใจเข้าร่วมโครงการต้องประสบปัญหาต่างๆ มากมายในการสั่งซื้อ ทั้งปัญหาในเรื่องของการทำความเข้าใจ ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับการสั่งซื้อทางไปรษณีย์ ที่ยังไม่เข้าใจในความชัดเจนด้านกระบวนการสั่งซื้อเกี่ยวกับระยะเวลาในการสั่งซื้อ ซึ่งเดิมนั้นได้มีการกำหนดไว้ว่า ให้ร้านค้าสั่งซื้อสินค้าได้เฉพาะในช่วงของต้นสัปดาห์ หรือในช่วงของวันจันทร์ และอังคาร ในแต่ละสัปดาห์ แต่ภายหลังได้มีการเปลี่ยนแปลงการสั่งซื้อใหม่ให้ร้านค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบไปรษณีย์ได้ทุกวัน โดยที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานไปรษณีย์นั้น ยังไม่ทราบ และยังไม่ยินยอมรับรายการสั่งซื้อจากร้านค้าในวันนี้
นอกจากนี้ ร้านค้าจำนวนมากยังคงเกิดความสับสนต่อข้อกำหนดในการสั่งซื้อสินค้าบางรายการในด้านปริมาณของการสั่งซื้อเข้ามาวางจำหน่ายภายในร้าน เนื่องจากสินค้าบางอย่างนั้นได้มีข้อกำหนดในการสั่งซื้อที่จำนวนขั้นต่ำไว้ในปริมาณมาก เช่น แปรงสีฟันบางยี่ห้อนั้น ให้ร้านค้าสั่งซื้อขั้นต่ำมากถึง 12 โหล หรือจำนวน 144 ด้าม ซึ่งเกินกว่าความจำเป็นต่อจำนวนประชากรในแต่ละตำบลนั้นๆ เนื่องจาก แปรงสีฟันแต่ละด้ามนั้นมีอายุการใช้งานนานถึงประมาณ 3 เดือน จึงยากต่อการที่จะจำหน่ายให้หมดจากร้านไปได้โดยง่าย รวมถึงแชมพูที่ใช้เฉพาะสำหรับเด็กอ่อนบางยี่ห้อนั้นได้กำหนดการสั่งซื้อขั้นต่ำไว้ที่ 6 โหล หรือ 72 ขวด ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะจำหน่ายให้หมดไปโดยง่าย เนื่องจากบางตำบลนั้นอาจไม่มีเด็กเกิดใหม่เลย หรือมีอัตราการเกิดในพื้นที่น้อย
ขณะเดียวกัน ยังมีร้านค้าบางร้านได้ตั้งข้อสังเกตไปถึงราคาจำหน่ายสินค้าจำพวกนมสดยูเอชที บางยี่ห้อ ผู้ขายมีผลกำไรจากการจำหน่ายแค่เพียง 0.25 บาท หรือ 25 สตางค์ต่อกล่องเท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มค่าต่อการแช่เย็น ขณะที่ราคาจำหน่ายปลีกของสินค้าบางอย่างกลับไม่แตกต่างไปจากราคาที่มีการวางจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป
ด้านนางสุมิตรา ศรีสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ขณะนี้มีร้านค้าปลีกในจังหวัดฉะเชิงเทรา สนใจเข้าร่วมโครงการในระยะแรกมากถึง 78 ร้าน หรือคิดเป็นร้อยละ 76 ของจำนวนร้านค้าเป้าหมายของจังหวัด คือ 103 ร้านค้า แต่ยังคงมีความเป็นกังวลเกี่ยวกับการจัดส่งสินค้า หากสินค้าภายในแต่ละร้านค้านั้นหมดลงไม่พร้อมกัน และมาไม่พร้อมกัน หรือการสั่งซื้อไม่พร้อมกันจนเป็นอุปสรรคในการจัดส่งจนทำให้สินค้ามาล่าช้ากว่าความต้องการประชาชนก็จะไม่ได้รับความสะดวก จนนำไปสู่ความไม่สนใจในโครงการนี้เท่าที่ควร
แต่หากโครงการสามารถดำเนินการไปได้ตามเป้าหมาย เชื่อว่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนได้อย่างมาก เนื่องจากร้านค้าเหล่านี้จะมีการกระจายกันออกไปในทุกตำบล หากสินค้าราคาถูกจริง ประชาชนก็จะหันเข้ามาซื้อสินค้าในร้านค้าถูกใจ เพราะจะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลงได้ และยังไม่ต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าไปหาซื้อสินค้าราคาถูกถึงในตัวเมือง