ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “พสิษฐ์” นำทีมคณะทำงานฯ บุกตรวจ “คลินิกหมอวงศ์” ที่เชียงใหม่ หลังพบรายงาน อย.-โรงงานยาระบุสั่งซื้อยา “ซูโดอีเฟดรีน” 4 แสนเม็ดปี 54 ด้านเจ้าของอ้างปี 54 ไม่ได้ซื้อยาจากโรงงานเลย เหตุเป็นคลินิกคนไข้น้อย-ซื้อยาจากร้านขายยาแทน คาดอาจมีคนแอบอ้างใช้ชื่อคลินิกสั่งซื้อ เตรียมประสานตำรวจขยายผล
วันนี้ (24 พ.ค.) คณะทำงานป้องกันและปราบปราม ฟื้นฟู เยียวยาสารตั้งต้นยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข นำโดยนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการอาหารและยา และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เดินทางมายังคลินิกเวชกรรมหมอวงศ์ ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบการสั่งซื้อและเบิกจ่ายยาซูโดอีเฟดรีน หลังมีรายงานแจ้งว่าคลินิกดังกล่าวมีการสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนสูงถึง 4 แสนเม็ด
นายพสิษฐ์และคณะได้หารือกับ นายแพทย์วงศ์สว่าง กาญจนกามล เจ้าของคลินิกดังกล่าว พร้อมทั้งสอบถามถึงการสั่งซื้อและเบิกจ่ายยาของทางคลินิก เนื่องจากคณะทำงานป้องกันและปราบปราม ฟื้นฟู เยียวยาสารตั้งต้นยาเสพติดได้รับข้อมูลจากคณะกรรมการอาหารและยา และโรงงานผู้ผลิตยาว่าคลินิกเวชกรรมหมอวงศ์มีการสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนสูงถึง 4 แสนเม็ดในปี 2554 โดยมีเอกสารหลักฐานทั้งคำสั่งซื้อและเช็คสั่งจ่ายเพื่อชำระค่ายา
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์วงศ์สว่างชี้แจงว่า คลินิกซึ่งก่อนหน้านี้เคยดำเนินการในฐานะโรงพยาบาลนั้นไม่มีการสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนจากบริษัทยาใดๆ เลยในปี 2554 เนื่องจากนับตั้งแต่ปรับเปลี่ยนมาเป็นคลินิกเวชกรรมก็มีคนไข้ไม่มากนัก เฉลี่ยเพียงวันละประมาณ 20 คน แบ่งออกเป็นผู้ป่วยที่มารับการรักษาพยาบาลและผู้ที่มาขอใบรับรองแพทย์เท่านั้น อีกทั้งยาที่ใช้ภายในคลินิกในระยะหลัง หากใช้ยาที่ยังเหลืออยู่ก็จะเป็นยาที่สั่งซื้อจากร้านขายยาเท่านั้น
ภายหลังการหารือ คณะทำงานฯ ได้ทำการตรวจสอบเอกสารเวชระเบียนของทางคลินิก รวมทั้งชี้แจงให้ทางคลินิก ซึ่งยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการสั่งยาจำนวนดังกล่าว ไปแจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการลักลอบใช้ชื่อของคลินิกในการสั่งซื้อยา รวมถึงการปลอมแปลงเอกสารเพื่อชำระค่ายา
ขณะเดียวกันคณะทำงานฯ เตรียมที่จะทำการตรวจสอบลายมือบุตรชายของนายแพทย์วงศ์สว่างและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารต่างๆ หรือไม่ หรือว่าเอกสารต่างๆ ที่ได้จากบริษัทยานั้นเป็นเอกสารที่ถูกปลอมแปลงขึ้น ซึ่งหลังจากได้ข้อมูลหลักฐานทั้งหมดแล้วก็จะประสานให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเรื่องไปดำเนินการต่อไป
นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานคณะทำงานป้องกันและปราบปราม ฟื้นฟู เยียวยาสารตั้งต้นยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การเข้าตรวจสอบคลินิกเวชกรรมหมอวงศ์ในวันนี้ สืบเนื่องจากทางคณะทำงานฯ ได้รับรายงาน ทั้งจากคณะกรรมการอาหารและยา และโรงงานผู้ผลิตยาว่าคลินิกแห่งนี้มีการสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีน ซึ่งไม่ตรงกับรายงานการครอบครองที่คลินิกส่งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
อย่างไรก็ตาม คลินิกปฏิเสธว่าไม่เคยมีการสั่งซื้อยาจำนวนดังกล่าวเลย ทำให้มีความเป็นไปได้ว่ากรณีดังกล่าวอาจเกิดจากการปลอมแปลงเอกสารหรือแอบอ้างชื่อคลินิกแห่งนี้ไปใช้ ซึ่งคณะทำงานฯ จะได้ทำการตรวจสอบข้อมูลว่าในการสั่งซื้อและชำระค่ายาดังกล่าวนั้นมีผู้ใดที่มีส่วนร่วมบ้าง
นายพสิษฐ์กล่าวต่อไปว่า หากทางคลินิกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงตามที่ชี้แจก็จะต้องสืบหาว่าใครเป็นผู้ดำเนินการสั่งซื้อยาจำนวนดังกล่าว แต่ถ้าหากคลินิกมีความเกี่ยวข้องก็ต้องพิจารณากันตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เชื่อว่าการติดตามตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องน่าจะใช้เวลาไม่นานนัก เพราะในขณะนี้เจ้าหน้าที่มีหลักฐานเอกสารต่างๆ โดยเฉพาะเช็คที่ใช้ในการสั่งจ่ายชำระค่ายาซึ่งใช้อยู่ประมาณ 3 ธนาคาร และเป็นสาขาใน จ.เชียงใหม่ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตก็คือ ผู้ที่ดำเนินการสั่งซื้อยาต้องทราบมาก่อนแล้วว่าทางคลินิกได้รับอนุญาตให้ครอบครองซูโดอีเฟดรีนได้ จึงได้ใช้ชื่อของคลินิกในการสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนจำนวนมากดังกล่าว