พิษณุโลก - แม่สุดทนแจ้งตำรวจจับลูกชายวัย 13 ปีดำเนินคดี หลังก่อเหตุขโมยทรัพย์สินชาวบ้านมาแล้วกว่า 50 ครั้ง ล่าสุดขึ้นบ้านเพื่อนบ้านขโมยแป้ง น้ำปลา กระติกน้ำแข็ง มูลค่า 50 บาท จนผู้เป็นแม่ตัดสินใจบอกตำรวจจับ หวังสถานพินิจฯ จะช่วยดัดสันดาน
วันนี้ (23 พ.ค.) ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก พบนางขวัญเรือน (ขอสงวนนามสกุล) แจ้งความตำรวจให้มาจับลูกชายตนเองเพื่อให้ตำรวจดำเนินคดี หลังลูกชายวัย 13 ปีก่อเหตุลักทรัพย์ชาวบ้านละแวก ต.บ้านคลอง อ.เมืองพิษณุโลก มาแล้วร่วม 50 ครั้ง
ล่าสุดวันนี้ เด็กชายคนนี้ได้แอบขึ้นบ้านนายประสิทธิ์ อาสาขันธ์ อายุ 55 ปี บ้านเลขที่ 40/6 ม.1 ต.บ้านคลอง อ.เมือง จ พิษณุโลก ขโมยแป้ง น้ำปลา กระติกน้ำแข็ง มูลค่าประมาณ 50 บาท แม่จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาควบคุมตัวลูกชายเพื่อนำไปดำเนินคดีที่ สภ.เมืองพิษณุโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนบันทึกคดี บริเวณโต๊ะพนักงานสอบสวน พ.ต.ท.สุทิน ชวนชม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ได้กล่าวย้ำกับแม่ที่นำลูกมาส่งให้ตำรวจดำเนินคดีว่า ให้คิดดูดีๆ เนื่องจากผู้ก่อเหตุก็เป็นเพียงเด็ก และก่อเหตุขโมยทรัพย์สินมูลค่าไม่มากนัก เจ้าทุกข์ก็ไม่อยากเอาความ
แต่นางขวัญเรือน ผู้เป็นแม่ กลับยืนกรานต่อพนักงานสอบสวนว่า ขอยืนยันให้ตำรวจดำเนินคดีต่อลูกชายวัย 13 ปีคนนี้ เนื่องจากทนพฤติกรรมของลูกชายที่ก่อเหตุลักทรัพย์ชาวบ้านบ่อยครั้งไม่ไหว และอยากให้อยู่ในความควบคุมของสถานพินิจ เพื่อจะอบรมสั่งสอนลูกชายให้รู้จักผิดชอบชั่วดีบ้าง
นางขวัญเรือน ตาทอง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 ม.1 ต.บ้านคลอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนมีลูกชายสองคน และแยกทางกับสามีแล้ว คนโตวัย 13 ปี อยู่กับตนเอง เรียนจบแค่ชั้น ป.5 เพราะโดนไล่ออก มาอยู่บ้านเฉยๆ ลูกชายคนเล็กวัย 7 ขวบ อยู่กับสามี ส่วนตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ได้ค่าจ้างวันละ 200 บาท และทุกๆ วันก็ต้องออกรับจ้างเพื่อหาเงิน
ลูกชายก็มีนิสัยชอบไปขโมยทรัพย์สินของชาวบ้าน และพระในวัดละแวกนั้น ที่ผ่านมาก่อเหตุมาแล้วร่วม 50 ครั้ง เคยแจ้งตำรวจจับหลายครั้งแล้ว แต่ตำรวจไม่อยากให้ดำเนินคดีจึงไม่จับ จากนั้นก็ยังก่อเหตุลักทรัพย์มาเรื่อยๆ เมื่อขโมยของมาได้ก็นำไปขายเอาเงินไปเล่นเกม แต่ครั้งนี้สุดจะทนแล้ว เมื่อก่อเหตุขโมยเมื่อเช้านี้จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาจับ
นางขวัญเรือนบอกว่า 15 ปีก่อนตนก็เคยอยู่ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กมาแล้ว จึงเชื่อว่าสถานพินิจฯ จะช่วยอบรมสั่งสอนคนที่เคยทำผิดได้ ครั้งนี้จึงตัดสินใจให้ตำรวจดำเนินคดีต่อลูกของตน
ด.ช.บอย (นามสมมติ) ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อเหตุจริง ทำมาแล้ว 50-60 ครั้ง แถวบ้านขึ้นมาแล้วทุกหลัง ขโมยทุกอย่าง ไม่เอาของใหญ่ ถ้าได้พระเครื่องจะเอาไปขายทหาร ส่วนถ้าได้ของกินก็จะไปขายร้านค้า
นายประสิทธิ์ อาสาขันธ์ เจ้าของบ้านที่ถูก ด.ช.บอยขโมยของในบ้าน เปิดเผยว่า ตนทำงานเป็น รปภ.บ้านก็อยู่ไม่ไกลกัน วันนี้เด็กมาขึ้นบ้านตนขโมยของไปเล็กน้อย ก็ไม่อยากเอาเรื่อง แต่แม่เด็กขอร้องให้มาเป็นพยานเพื่อเอาเรื่องลูกชายตนเอง
หลังจากแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ตำรวจให้ทำประวัติเด็ก และส่งตัวดำเนินคดีที่ศาลเยาวชนต่อไป
