ศูนย์ข่าวศรีราชา - อธิบดีดีเอสไอ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานในจังหวัดชลบุรี เตรียมจับกุมผู้ลักลอบทิ้งกากสารพิษ เริ่มที่เจ้าของที่ดินรู้เห็นเป็นใจในการทิ้ง พร้อมเตรียมขยายผลผู้ร่วมขบวนการ เพื่อถอนรากถอนโคนผู้ทำลายสิ่งแวดล้อมให้หมดไป
วันนี้ (21 พ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมนายภัครธรณ์ เทียนไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายอรรณพ กลิ่นทอง อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี นายเลอสันต์ ศศิพงศ์ นายอำเภอเมืองชลบุรี นายสุนทร ตันติโภคากุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองรี (อบต.) ผู้กำกับสถานีตำรวจเมืองชลบุรี ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบและเตรียมจับกุมผู้กระทำผิด ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535
ทั้งนี้ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนและการเสนอข่าวของสื่อมวลชน ว่ามีการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมอันตราย ในพื้นที่ หมู่ 10 ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยดีเอสไอได้ประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เพื่อดำเนินการสืบสวนหาผู้กระทำผิดในกรณีดังกล่าว
นอกจากนั้น ยังพบว่ามีการลักลอบทิ้งวัตถุอันตรายในพื้นที่อำเภอบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ด้วย โดยพร้อมเข้าไปตรวจสอบ และดำเนินการจับกุมเช่นกัน
นายธาริต กล่าวว่า หลังได้ประสานหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่พบว่า มีการลักลอบทิ้งวัตถุอันตรายจริง ประกอบด้วย สารเคมีอันตรายที่มาจากโรงงานอุตสาหกรรม และน้ำมันเครื่องที่หมดสภาพนำมาทิ้งลงในบ่อดินที่มีการขุดดินไปขายแล้ว ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียง
เบื้องต้น พบผู้กระทำผิดอย่างชัดเจน คือ ผู้ครอบครองที่ดินทั้ง 3 แปลง ที่มีโฉนด 3 ใบติดต่อกัน ซึ่งถือว่าเป็นตัวการใหญ่ที่รู้เห็นเป็นใจที่มีการลักลอบทิ้งวัตถุอันตรายดังกล่าว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ประกบตัวไว้แล้ว และพร้อมดำเนินการจับกุมทันที โดยพบว่าเป็นคนสัญชาติจีนที่มาถือครองที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าถือครองที่ดินดังกล่าวได้อย่างไร
นายธาริต กล่าวต่อไปว่า ในเบื้องต้นถือว่าเป็นการกระทำผิด 3 ส่วน คือ 1.นำวัตถุอันตรายมาทิ้งโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.เปิดบ่อขยะโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 3.นำวัตถุอันตราย (น้ำมันเครื่อง) มาแปลงสภาพให้เป็นน้ำมันเครื่องปลอม และจากนั้นได้นำน้ำมันเครื่องปลอมไปจำหน่าย ส่วนที่เป็นสารพิษได้ปล่อยลงสู่บ่อดินเก่าที่มีน้ำขังอยู่เป็นจำนวนมาก
คดีการลักลอบทิ้งวัตถุอันตรายหรือสารพิษนั้น โดยขณะนี้ความผิดวัตถุอันตรายอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอโดยตรงแล้ว และขณะนี้รับว่าเป็นคดีพิเศษแล้ว
นายภัครธรณ์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น อบต.หนองรี ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ว่ามีน้ำเสียเกิดขึ้นในพื้นที่ จึงนำ EM บอลมาใส่ เพื่อลดกลิ่นเหม็นที่เกิดขึ้น แต่เมื่อตรวจสอบในเชิงลึกพบว่า มีการลักลอบน้ำสารเคมีมาทิ้ง ดังนั้น ถือว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรงและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ด้านนายอรรณพ กล่าวว่า สำหรับสารเคมีที่นำมาทิ้ง เป็นสารไฮโดรคาร์บอนผสมน้ำ และน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว นำมาผ่านกระบวนการแยกน้ำมันออกจากน้ำ เพื่อนำกลับไปใช้ใหม่
นางณัฐ เที่ยงขุน ชาวบ้านบริเวณดังกล่าว กล่าวว่า การนำสารเคมีมาทิ้งที่บ่อดินลูกรังเก่านั้น โดยในช่วงแรกนำมาทิ้งทั้งสิ้น 4 เที่ยวรถบรรทุก ซึ่งเป็นสารที่มีส่วนผสมของน้ำมันอย่างแน่นอน เพราะมีกลิ่นเหม็นน้ำมัน แต่เที่ยวที่ 5 นั้น มีกลิ่นเหม็นที่รุนแรง จึงมีการห้ามไม่ให้ทิ้งลงไปในบ่อน้ำ โดยมีการกักเก็บไว้ที่บ่อปูนด้านบนเพราะหากปล่อยทิ้งโดยไม่มีการบำบัด อาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีกลิ่นเหม็นมาก
หลังจากนั้นอีกไม่นาน พบว่าบ่อน้ำดังกล่าวส่งกลิ่นเห็นรบกวนชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงอากาศปิด หรือใกล้ฝนจะตก จะมีไอของสารพิษกระจายไปทั่วบริเวณ จนชาวบ้านทนไม่ไหว จนผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ อบต. สั่งให้หยุดการทิ้งน้ำ จนมาตรวจสอบพบว่าเป็นสารพิษดังกล่าว