อุบลราชธานี - ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับลดลงมาตลอดสัปดาห์ไม่สามารถกระชากราคาสินค้าในหมวดบริโภคให้ลดลง พ่อค้าแม่ค้าระบุราคาน้ำมันเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง แต่ภาวะอากาศแปรปรวนผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยทำให้ราคาพืชผักอยู่ในระดับทรงตัว ส่วนเนื้อหมูหน้าฟาร์มปรับลงแค่กิโลกรัมละ 1 บาท แต่พ่อค้าแม่ค้าต้องแบกรับต้นทุนที่ขึ้นไปก่อนหน้านี้ไว้ จึงยังปรับราคาลงไม่ได้
วันนี้ (21 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในรอบสัปดาห์ ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลที่จังหวัดอุบลราชธานีวันนี้ลิตรละ 30.37 บาท ก๊าซโซฮอล์ 91 ราคา 36.42 บาท ก๊าซโซฮอล์ 95 ราคา 38.17 บาท การลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นหัวใจในระบบขนส่ง ไม่ทำให้ราคาสินค้าในหมวดอาหาร เช่น เนื้อหมู พืชผัก ลดลง โดยยังมีราคาจำหน่ายใกล้เคียงกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อสัปดาห์ก่อนที่แพงกว่าถึง 2 บาท
จากการสำรวจราคาสินค้าที่ตลาดสดเทศบาลเมืองวารินชำราบ เนื้อหมูสันนอกยังขายที่กิโลกรัมละ 140 บาท หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 130 บาท ส่วนหมูสามชั้นและกระดูกอ่อนราคากิโลกรัมละ 120 บาท ซึ่งราคายังเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนราคาผักคะน้าและถั่วฝักยาวกิโลกรัมละ 35 บาท ต้นหอมกิโลกรัมละ 40 บาท ผักกาดขาวกิโลกรัมละ 50 บาท ซึ่งราคาผักทั้ง 4 ชนิดขายมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
แม่ค้าขายผักระบุว่า แม้น้ำมันมีราคาลดลง แต่เนื่องจากภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ผักออกสู่ตลาดน้อย ทำให้ราคาผักยังสูง และสัปดาห์นี้ไม่ได้ปรับราคาเพิ่มขึ้น เพราะน้ำมันใช้ขนส่งพืชผักมีราคาถูกลงจึงนำมาเฉลี่ยกับราคาผักที่รับซื้อจากสวนทำให้พืชผักมีราคาทรงตัวไม่ลดลงหรือปรับตัวขึ้น
ด้านนายไพฑูรย์ กุลบุตร เจ้าของเขียงขายหมูในตลาดเทศบาลเมืองวารินชำราบ ระบุว่า สัปดาห์นี้ราคาเนื้อหมูหน้าฟาร์มมีราคาขายกิโลกรัมละ 65 บาท ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 1 บาท แต่ยังไม่สามารถปรับราคาลดลงได้เพราะต้องรอราคาให้ลงมามากกว่านี้
ทั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ราคาเนื้อหมูหน้าฟาร์มปรับราคาขึ้นไปสูงถึงกิโลกรัมละ 18 บาท แต่พ่อค้าแม่ค้าปรับราคาขึ้นเพียงกิโลกรัมละ 5 บาท ทำให้ยังมีส่วนต่างที่พ่อค้าแม่ค้ายังแบกรับไว้ก่อนหน้านี้อยู่มาก
“การลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 2 บาทเศษจึงไม่มีผลต่อราคาขายปลีก และเขียงขายเนื้อจะปรับลดลงมาได้ก็ต่อเมื่อราคาเนื้อหมูหน้าฟาร์มมีราคาลดลงอีก 4-5 บาท ผู้ค้าปลีกถึงจะอยู่ได้”