เคลื่อนขบวนจักรยานปลุกคนไทยรักษาแผ่นดิน-ค้านศาลโลกคดี “พระวิหาร”

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ภาค ปชช.กลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติฯ เคลื่อนขบวนจักรยานทั่วเมืองโคราช ปลุกคนไทยตื่นรักษาแผ่นดินร่วมคัดค้านอำนาจศาลโลก กรณีคดี “ปราสาทพระวิหาร” ก่อนนำทีมบุกกรุงเฮก มิ.ย. ยื่นคำร้องพร้อมรายชื่อ ปชช.ไทยกว่า 3 แสนคนจี้ศาลโลกจำหน่ายคดีทิ้ง-เลิกตกเป็นเครื่องมือนักการเมือง 2 ประเทศสุมหัวขายชาติฮุบขุมทรัพย์น้ำมัน ผวาทำไทยเสียดินแดนครั้งใหญ่ให้เขมรตลอดแนวกว่า 1.8 ล้านไร่

วันนี้ (19 พ.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. ที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีภาคประชาชนกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน และสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย รวมกว่า 100 คน นำโดย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย, ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน, นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีต ส.ว.ยโสธร และ ผศ.ดร.สามารถ จับโจร นักวิชาการประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา พร้อมรถจักรยานกว่า 80 คัน ร่วมกันปั่นจักรยานเคลื่อนขบวน “จักรยานเพื่อแผ่นดิน” ไปตามถนนสายหลักในเขตเทศบาลนครราชสีมา

ทั้งนี้ เพื่อรณรงค์ปลุกกระแสให้ประชาชนมีจิตสำนึกรักชาติรักแผ่นดิน พร้อมร่วมลงชื่อในการยื่นคัดค้านเขตอำนาจศาลโลก กรณีคดีปราสาทพระวิหาร ที่ฝ่ายกัมพูชายื่นฟ้องให้ศาลโลกตีความคดีปราสาทพระวิหาร ปี 2505 ซึ่งจะได้นำรายชื่อประชาชนไทยทั้งหมด สมทบกับรายชื่อของประชาชนทั่วประเทศที่รวบรวมได้แล้วกว่า 300,000 รายชื่อ ส่งมอบให้แก่คณะตัวแทนประชาชนไทย นำโดยกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติฯ ที่จะเดินทางไปยื่นคำร้องคัดค้านพร้อมรายชื่อประชาชนไทย 3 แสนรายชื่อดังกล่าว ต่อคณะตุลาการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยตรงด้วยตัวเอง ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เพื่อร้องขอให้ศาลโลกจำหน่ายคดีดังกล่าวเสีย

สำหรับขบวนจักรยานเพื่อแผ่นดินครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากประชาชนชาวโคราชอย่างมาก ก่อนเคลื่อนขบวนไปรวมตัวกันยังบริเวณสวมภูมิรักษ์ศาลเจ้าพ่อช้างเผือก ถ.รอบเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา

จากนั้น กลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติฯ ได้เปิดเวทีปราศรัยย่อย เชิญชวนคนไทยผู้รักชาติร่วมกันทุกวิถีทางเพื่อคัดค้านอำนาจศาลโลก กรณีคดีปราสาทพระวิหาร และการพิจารณาพิพากษาเรื่องราวใดๆ ที่เกี่ยวกับราชอาณาจักรไทย ซึ่งผลของคดีจะทำให้ประเทศไทยนำไปสู่การสูญเสียดินแดนครั้งใหญ่ให้แก่กัมพูชาตลอดแนวชายแดนกว่า 1.8 ล้านไร่ รวมทั้งทรัพยากร น้ำมัน และก๊าซในอ่าวไทยอันมหาศาล ซึ่งผลประโยชน์จะตกอยู่กับกลุ่มนักการเมือง 2 ประเทศทั้งไทย-กัมพูชา ที่ร่วมมือกันขายชาติเพื่อพวกพ้องตัวเอง และกลุ่มทุนพลังงานข้ามชาติ โดยการใช้ศาลโลกเป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรม ตบตาหลอกลวงประชาชนทั้ง 2 ประเทศ