น่าน -กลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุก 10 ล้อ ยกพวกร้องทุกข์ อ้างถูกตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ยศพันตำรวจเอก เรียกเก็บเงินค่าวิ่งผ่านด่านชายแดนไทย-ลาว ที่ด่านตำรวจหนองเขียว คันละ 2 หมื่นบาท ใครไม่จ่ายอดวิ่ง
รายงานข่าวจากจังหวัดน่าน แจ้งว่า กลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุก 10 ล้อในจังหวัดน่าน จำนวน 11 ราย ที่ประกอบกิจการรับจ้างขนส่งสินค้าจากไทยเข้า สปป.ลาว ผ่านชายแดนจังหวัดน่าน ได้รวมตัวกันเข้าร้องทุกข์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดฯ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ถูกนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของ สภ.พื้นที่ชายแดนน่าน เรียกเก็บเงินค่าผ่านทางคันละ 2 หมื่นบาท หากใครไม่จ่ายก็ห้ามวิ่ง
นายดุสิต เทพกอบ หนึ่งในผู้เดือดร้อน และถูกเรียกเก็บเงินจำนวน 2 หมื่นบาทแล้ว กล่าวว่า กลุ่มรถบรรทุก 10 ล้อ ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก หลังจากที่มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ยศ พ.ต.อ. ย้ายมาในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่าของจังหวัดน่าน ได้ตั้งด่าน และเรียกเก็บเงินจากรถบรรทุกซึ่งรับจ้างขนส่งสินค้าไปฝั่ง สปป.ลาว และต้องวิ่งผ่านด่านตำรวจหนองเขียว อ.เฉลิมพระเกียรติ
เขาบอกว่า รถคันไหนไม่มีหนังสือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ หรือ พาสปอร์ตรถ ก็จะถูกจับและเรียกเก็บเงิน อ้างเป็นเงินค่าปรับจำนวน 2 หมื่นบาท โดยไม่มีใบเสร็จ ซึ่งหากไม่จ่ายก็จะไม่สามารถวิ่งผ่านนำสินค้าไปส่งให้ลูกค้าได้ทัน และถูกยึดรถไว้อีกด้วย ตนก็ต้องยอมจ่าย 2 หมื่นบาทไป เพราะกลัวจะขนสินค้าไปส่งให้ลูกค้าไม่ทัน
ขณะที่ นายปุริมพัฒน์ สระจารุธนาบูรณ์ อีกรายที่ถูกเรียกเก็บเงิน กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังกฎหมายขนส่งบังคับใช้ให้รถบรรทุกที่วิ่งรับจ้างส่งสินค้าระหว่างไทย-ลาว ต้องทำหนังสือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ หรือพาสปอร์ตรถ ตนและกลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุกได้ยื่นเอกสารกันแล้วนานกว่า 2 เดือน แต่ก็ยังไม่ได้ โดยในช่วงนี้จึงเป็นช่วงระยะเวลาผ่อนผัน ระหว่างการรอเอกสาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ขนส่ง และศุลกากรก็รู้ และเข้าใจไม่มีการจับกุมใดๆ แต่ทำไมตำรวจถึงมาจับ และเรียกเก็บเงินจำนวนมากๆ เช่นนี้
ต่อมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.ฉลองชัย บุรีรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน เข้ารับหนังสือร้องทุกข์ดังกล่าว เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง พร้อมกับสอบถามรายละเอียดและยืนยันว่า ไม่มีนโยบายให้ในด่านตรวจต่างๆ เรียกเก็บเงินจากรถยนต์ หรือรถบรรทุกต่างๆ พร้อมกับรับปากจะสอบสวนเรื่องดังกล่าวโดยด่วน หากผิดจริงก็จะดำเนินการตามระเบียบทันที และในช่วงระยะนี้จะได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามด่านตรวจต่างๆ ผ่อนผันการจับกุมรถบรรทุกสินค้า จนกว่าใบขนส่งสินค้า หรือพาสปอร์ตรถจะเรียบร้อย