กาญจนบุรี - ผู้ว่าฯ กาญจน์ เผย จังหวัดกาญจนบุรีเตรียมเสนอโครงการต่างๆ ต่อที่ประชุม ครม.สัญจร 19-20 พ.ค.นี้หลายโครงการ ทั้งการเร่งพัฒนาพื้นที่แห้งแล้งโดยแบ่งพื้นที่พัฒนาออกเป็น 3 โซนให้สอดรับโครงการพัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่งจังหวัดเพื่อบูรณาการด้านเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (15 พ.ค.) นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่จะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือการประชุม ครม.สัญจร ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ ระหว่างวันที่ 19-20 พ.ค.ที่จะถึงนี้ โดยจังหวัดกาญจนบุรีได้แบ่งพื้นที่พัฒนาออกเป็น 3 โซน
โซนที่ 1 เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์คือ พื้นที่อำเภอไทรโยค อำเภอทองผาภูมิ อำเภอสังขละบุรี และอำเภอศรีสวัสดิ์ เนื่องจากโซนนี้เป็นพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำ และผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์
โซนที่ 2 เป็นพื้นที่โซนเศรษฐกิจ คือ พื้นที่อำเภอเมือง อำเภอท่าม่วง อำเภอท่ามะกา อำเภอพนมทวน และพื้นที่อำเภอบ่อพลอย บางส่วน ซึ่งพื้นที่โซนที่ 2 นี้เป็นพื้นที่ฐานการผลิตที่ดีเนื่องจากมีระบบชลประทานที่ดี
ส่วนโซนที่ 3 เป็นพื้นที่แห้งแล้ง ซึ่งชาวจังหวัดกาญจนบุรี เรียกกันว่า เป็นภาคอีสานจังหวัดกาญจนบุรี คือ พื้นที่อำเภอห้วยกระเจา อำเภอเลาขวัญ อำเภอหนองปรือ และอำเภอบ่อพลอย บางส่วน โดยในขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวอยู่ระหว่างจัดทำแผนงานพัฒนาให้มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะเรื่องน้ำ หากเราสามารถจัดระบบบริหารจัดการน้ำได้จะช่วยเพิ่มมูลค่าภาคการผลิตได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่โซนที่ 3 จะสอดรับกับโครงการพัฒนาด้านเส้นทางคมนาคมขนส่งของจังหวัด ซึ่งเป็นการบูรณาการพัฒนาการด้านเศรษฐกิจได้อย่างสมบูรณ์แบบจะทำให้จังหวัดกาญจนบุรีเป็นฐานการผลิตที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทยอีกด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ โครงการที่ทางจังหวัดกาญจนบุรี จะเสนอในที่ประชุม ครม.สัญจร วันที่ 19-20 พ.ค.นี้อีก คือ การเร่งผลักดันโครงการพัฒนาระบบขนส่งทั้งทางบก และทางอากาศ เพื่อเป็นการเชื่อมโยงการลงทุนระหว่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้าน และโครงการที่สำคัญ คือ การเร่งผลักดันให้มีการเปิดด่านการค้าถาวรที่บ้านพุน้ำร้อน พื้นที่ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี และที่บริเวณด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี เพื่อเป็นการพัฒนาเส้นทางการคมนาคมทางบก ลดต้นทุนการขนส่งสินค้าต่างๆ ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับการพัฒนาการขนส่งทางอากาศนั้น จังหวัดกาญจนบุรี ได้จัดเตรียมแผนพัฒนาสนามบินกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ให้เป็นสนามบินพาณิชย์ชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักธุรกิจจากเมืองทวายประเทศพม่า สามารถบินมาลงที่จังหวัดกาญจนบุรีได้ โดยเชื่อว่าจะเป็นการส่งเสริมการลงทุนที่ดี จึงคาดว่าช่วงการประชุม ครม.สัญจร ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจังหวัดกาญจนบุรี จะสามารถเปิดเที่ยวรอบปฐมฤกษ์จากจังหวัดกาญจนบุรี ไปเมืองทวายได้ ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงการคมนาคมทั้งทางบก และทางอากาศได้อย่างสมบูรณ์
“สำหรับโครงการเร่งด่วนที่อยู่ในแผนงบประมาณ 100 ล้านบาทแรก หาก ครม.อนุมัติก็จะสามารถนำไปขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของจังหวัดได้ทันที ส่วนที่อยู่นอกงบประมาณจะเป็นโครงการต่อเนื่องระยะยาวที่ต้องขอความเห็นชอบในหลักการจากคณะรัฐมนตรีต่อไป” นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าว
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (15 พ.ค.) นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่จะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือการประชุม ครม.สัญจร ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ ระหว่างวันที่ 19-20 พ.ค.ที่จะถึงนี้ โดยจังหวัดกาญจนบุรีได้แบ่งพื้นที่พัฒนาออกเป็น 3 โซน
โซนที่ 1 เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์คือ พื้นที่อำเภอไทรโยค อำเภอทองผาภูมิ อำเภอสังขละบุรี และอำเภอศรีสวัสดิ์ เนื่องจากโซนนี้เป็นพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำ และผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์
โซนที่ 2 เป็นพื้นที่โซนเศรษฐกิจ คือ พื้นที่อำเภอเมือง อำเภอท่าม่วง อำเภอท่ามะกา อำเภอพนมทวน และพื้นที่อำเภอบ่อพลอย บางส่วน ซึ่งพื้นที่โซนที่ 2 นี้เป็นพื้นที่ฐานการผลิตที่ดีเนื่องจากมีระบบชลประทานที่ดี
ส่วนโซนที่ 3 เป็นพื้นที่แห้งแล้ง ซึ่งชาวจังหวัดกาญจนบุรี เรียกกันว่า เป็นภาคอีสานจังหวัดกาญจนบุรี คือ พื้นที่อำเภอห้วยกระเจา อำเภอเลาขวัญ อำเภอหนองปรือ และอำเภอบ่อพลอย บางส่วน โดยในขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวอยู่ระหว่างจัดทำแผนงานพัฒนาให้มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะเรื่องน้ำ หากเราสามารถจัดระบบบริหารจัดการน้ำได้จะช่วยเพิ่มมูลค่าภาคการผลิตได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่โซนที่ 3 จะสอดรับกับโครงการพัฒนาด้านเส้นทางคมนาคมขนส่งของจังหวัด ซึ่งเป็นการบูรณาการพัฒนาการด้านเศรษฐกิจได้อย่างสมบูรณ์แบบจะทำให้จังหวัดกาญจนบุรีเป็นฐานการผลิตที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทยอีกด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ โครงการที่ทางจังหวัดกาญจนบุรี จะเสนอในที่ประชุม ครม.สัญจร วันที่ 19-20 พ.ค.นี้อีก คือ การเร่งผลักดันโครงการพัฒนาระบบขนส่งทั้งทางบก และทางอากาศ เพื่อเป็นการเชื่อมโยงการลงทุนระหว่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้าน และโครงการที่สำคัญ คือ การเร่งผลักดันให้มีการเปิดด่านการค้าถาวรที่บ้านพุน้ำร้อน พื้นที่ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี และที่บริเวณด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี เพื่อเป็นการพัฒนาเส้นทางการคมนาคมทางบก ลดต้นทุนการขนส่งสินค้าต่างๆ ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับการพัฒนาการขนส่งทางอากาศนั้น จังหวัดกาญจนบุรี ได้จัดเตรียมแผนพัฒนาสนามบินกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ให้เป็นสนามบินพาณิชย์ชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักธุรกิจจากเมืองทวายประเทศพม่า สามารถบินมาลงที่จังหวัดกาญจนบุรีได้ โดยเชื่อว่าจะเป็นการส่งเสริมการลงทุนที่ดี จึงคาดว่าช่วงการประชุม ครม.สัญจร ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจังหวัดกาญจนบุรี จะสามารถเปิดเที่ยวรอบปฐมฤกษ์จากจังหวัดกาญจนบุรี ไปเมืองทวายได้ ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงการคมนาคมทั้งทางบก และทางอากาศได้อย่างสมบูรณ์
“สำหรับโครงการเร่งด่วนที่อยู่ในแผนงบประมาณ 100 ล้านบาทแรก หาก ครม.อนุมัติก็จะสามารถนำไปขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของจังหวัดได้ทันที ส่วนที่อยู่นอกงบประมาณจะเป็นโครงการต่อเนื่องระยะยาวที่ต้องขอความเห็นชอบในหลักการจากคณะรัฐมนตรีต่อไป” นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าว
