ลำปาง - ชาวบ้านบ้านกาดเมฆลำปางเดือดร้อนหนัก หลังในซอยมีการขุดท่อระบายน้ำแก้ไขปัญหาน้ำท่วม แต่ถูกหน่วยงานดูแลพื้นที่ไม่พอใจ สั่งระงับการก่อสร้างจนงานไม่คืบ
วันนี้ (13 พ.ค.) ชาวบ้านกาดเมฆ ม.5 ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากการขุดวางท่อระบายน้ำในซอยกาดเมฆตะวันตก 2/1 หรือที่ชาวบ้านเรียกซอยเมียหนี จำนวนเกือบ 20 คน ได้พาผู้สื่อข่าวสำรวจในซอยซึ่งมีความยาว 125 เมตร โดยครึ่งหนึ่งได้มีการขุดร่องลึกประมาณ 1 เมตร ความยาวเกือบ 50 เมตร คาทิ้งไว้ ส่วนที่เหลือก็มีการปรับหน้าดินจนไม่สามารถนำรถเข้า-ออกได้ สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
นางสายบัว มนัสศิรกานต์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 751 ม.5 ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง ซึ่งอยู่ในซอยดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า ซอยเมียหนีแห่งนี้เป็นที่ลุ่ม เมื่อฝนตกน้ำก็จะไหลจากที่สูงลงมารวมกันในซอยทำให้น้ำท่วมขังมานานร่วม 7 เดือนแล้ว
ที่ผ่านมาได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ เทศบาลเมืองเขลางค์นคร เพื่อให้เข้ามาแก้ไขปัญหาแต่ก็ไม่สามารถทำได้ โดยล่าสุดเทศบาลเมืองเขลางค์ได้แจ้งให้ชาวบ้านทราบว่า ซอยแห่งนี้จะมีการสร้างถนน-วางท่อระบายน้ำใหม่ แต่ต้องรออีก 3 ปี ซึ่งชาวบ้านรอไม่ไหวจึงได้ร้องเรียนและขอความช่วยเหลือไปยังผู้นำท้องถิ่น
ทำให้ อบจ.ลำปางได้อนุมัติงบฉุกเฉินและให้ผู้รับเหมาเข้ามาทำการปรับถนนในซอยทั้งหมด และลงมือขุดดินเพื่อวางท่อระบายน้ำ แต่ผู้รับเหมาก็ต้องหยุดทำงาน เนื่องจากเทศบาลเมืองเขลางค์สั่งให้หยุดโดยอ้างว่าทับซ้อนพื้นที่ ทำให้ไม่มีการทำงานต่อ ทิ้งงานคาไว้จนชาวบ้านไม่สามารถนำรถเข้าออกได้สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
นายมานิต มาปลูก อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 211 ม.5 กล่าวว่า ขณะนี้ตน และเพื่อนบ้านอีกกว่า 20 หลังคาเรือนเดือดร้อนมาก เนื่องจากไม่สามารถนำรถยนต์เข้าบ้านได้ต้องนำรถไปจอดด้านนอก กลางคืนจะต้องตื่นกลางดึกเพื่อออกไปดูรถเพราะเกรงจะถูกขโมย
นอกจากนี้ ตนเองมีอาชีพค้าขาย การจะนำสิ่งของที่จะขายออกไปขึ้นรถยนต์เพื่อนำไปจำหน่ายเป็นไปด้วยความยากลำบาก แทนที่การก่อสร้างซ่อมแซมถนนจะเสร็จในอีกประมาณ 1 เดือน กลับต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนดเนื่องจากนักการเมืองเล่นการเมืองมากเกินไปจนชาวบ้านเดือดร้อน ทั้งๆ ที่น่าจะช่วยกันช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อน แต่กลับมองแค่หน้าตาจนลืมความเดือดร้อนของชาวบ้าน และเดือนนี้ก็ใกล้ฤดูฝนแล้ว หากถนนในซอยยังไม่สามารถซ่อม-สร้างท่อระบายน้ำให้เสร็จได้ เมื่อฝนตกลงมาในซอยทั้งหมดก็จะต้องจมอยู่ในน้ำซ้ำซากอีก
จึงอยากวิงวอนหน่วยงานทั้งสองแห่ง ทั้งเทศบาลเมืองเขลางค์ และ อบจ.ร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านมากกว่าที่จะมาแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ซึ่งผลเสียจะตกที่ชาวบ้านเท่านั้น