ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “ยิ่งลักษณ์” ขึ้นเวทีอ้อนพี่น้องชาวเชียงใหม่เขต 3 ช่วยเลือก “เกษม” ระบุเป็นทั้งบ้านเกิดและพื้นที่เก่าหลานสาว หวังประชาชนเลือก “เพื่อไทย” สานต่องาน” ด้านแกนนำพรรคพาเหรดขึ้นปราศรัยคับคั่งย้ำชาวบ้านเลือกเพื่อไทยให้ชนะขาดลอยล้างภาพ “ปทุมฯโมเดล”
บรรยากาศการปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทยที่โรงเรียนมัธยมสันกำแพงในช่วงเย็นวันที่ 12 พ.ค. 2555 มีประชาชนในพื้นที่ อ.สันกำแพงและอำเภอใกล้เคียงจำนวนกว่า 2,000 คนเข้ามารับฟังการปราศรัยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และแกนนำจากพรรคเพื่อไทย ที่มาร่วมในการหาเสียงให้กับนายเกษม นิมมลรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง
นางสาวยิ่งลักษณ์ซึ่งขึ้นปราศรัยก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวกับประชาชนที่มารับฟังการปราศรัยว่า รู้สึกยินดีที่ได้กลับมาเยี่ยมพี่น้องชาวเชียงใหม่อีกครั้ง โดยการมาในครั้งนี้เป็นการมาช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครของพรรค ซึ่งลงสมัครในพื้นที่ที่เป็นบ้านเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณและตนเอง รวมทั้งยังเป็นพื้นที่ของหลานสาวมาก่อนอีกด้วย ดังนั้นจึงขอฝากนายเกษมให้พี่น้องประชาชนช่วยให้การสนับสนุน และหวังว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้พี่น้องประชาชนในพื้นที่จะให้ความไว้วางใจเลือกนายเกษมเข้าไปทำงานรับใช้พี่น้องในสภาต่อไป
ขณะเดียวกันในการปราศรัยครั้งนี้ยังมีแกนนำของพรรคเพื่อไทยขึ้นปราศรัยและมาปรากฏตัวบนเวทีหลายราย อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และ ส.ส.ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่และลำพูน ขณะเดียวกันยังมี ผศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรชายนายสมชายและนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นพี่ชายของนางสาวชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.ในพื้นที่ซึ่งถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. และห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปีร่วมขึ้นเวทีปราศรัยอีกด้วย
ทั้งนี้บรรดาแกนนำของพรรคเพื่อไทยได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยหาเสียงกับประชาชนและกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมากที่มารับฟังการหาเสียง โดยส่วนใหญ่พยายามเน้นย้ำให้ประชาขชนให้การสนับสนุนผู้สมัครของพรรคให้ได้รับเลือกตั้งและได้รับคะแนนทิ้งห่างจากผู้สมัครคู่แข่งอย่างขาดลอย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างเช่นในการเลือกตั้งที่ จ.ปทุมธานี เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะเดียวกันก็ได้นำเสนอประเด้นอื่นๆ อาทิ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ได้กล่าวโจมตีการตัดสิทธิ์ทางการเมืองของนางสาวชินณิชาว่าเป็นการตัดสินที่ไม่ยุติธรรม มีอคติและเลือกปฏิบัติ ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ได้กล่าวโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ว่ามีความพยายามที่จะหาวิธีการต่างๆ มาโจมตีและทำลายพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด รวมทั้งมีท่าทีขัดขวางการปรองดองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะใช้วิธีการอย่างไร หากยังไม่ปรับเปลี่ยนแนวคิดหรือท่าทีในการทำงานก็จะแพ้พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งทุกครั้ง
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อได้กล่าวยอมรับว่าพรรคประเมินสถานการณ์ผิดพลาด ทำให้พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ปทุมธานี แต่ในการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.เชียงใหม่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนางสาวยิ่งลักษณ์นั้น พี่น้องประชานที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยจะต้องร่วมกันแสดงพลังให้คนทั้งประเทศได้เห็นว่ายังคงให้การสนับสนุนพรรคอย่างเต็มที่ ด้วยการลงคะแนนให้พรรคชนะอย่างขาดลอยให้ได้ พร้อมทั้งระบุว่าพรรคได้เร่งดำเนินการตามนโยบายต่างๆ ที่ได้ให้ไว้กับประชาชนอย่างเต็มที่ อย่างเช่นในส่วนของปัญหาราคาสินค้านั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาและหาทางบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนแล้ว
