xs
xsm
sm
md
lg

รมว.อุตฯมอบเงิน 1 ล้านช่วยเหลือครอบครัวเหยื่อโรงงานระเบิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โรงงาน บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เกิดระเบิดและเพลิงไหม้รายละ 1 ล้านบาท ขณะที่บริษัทต้นเหตุแสดงความรับผิดชอบทั้งต่อชุมชน และครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่

เมื่อเวลา 17.30 น. วันนี้ (11 พ.ค.) ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือพิเศษแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โรงงาน บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งพิธีดังกล่าวจัดขึ้นที่ห้องประชุมสำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง โดยมี ดร.วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายไชยยศ วงศ์พยัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด เป็นผู้มอบเงินให้กับญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 11 ราย รายละ 1,000,000 บาท ส่วนผู้เสียชีวิตที่ทำงานกับบริษัทรับเหมา มอบให้รายละ 500,000 บาท

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำหรับผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 11 ราย ประกอบด้วย พนักงานบริษัทฯ 7 ราย และพนักงานของบริษัทผู้รับเหมาอีก 4 รายนั้น โดยในเบื้องต้น บริษัทฯได้ช่วยค่าทำศพให้ครอบครัวละ 100,000 บาทไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งส่วนที่เกิน บริษัทฯจะต้องจ่ายให้ตามจริง พร้อมกันนี้ ครอบครัวของผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นพนักงาน บริษัท บีเอสที ฯ จะได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษอีก ครอบครัวละ 1 ล้านบาท ไม่รวมเงินประกันอุบัติเหตุจำนวน 36 เท่าของเงินเดือน และเงินชดเชยส่วนอื่นๆ และ เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

สำหรับสาเหตุของการเกิดระเบิดและไฟไหม้นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบ จากกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คาดว่าอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง

ส่วนมาตรการป้องกันการเกิดสารเคมีรั่วไหลขณะนี้ได้รับรายงานจาก ดร.วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยว่า ได้จัดทีมงานเข้าตรวจสอบโรงงานกลุ่มเป้าหมายจาก 60 โรงงานเพิ่มเป็น 90 โรงงานโดยจัดทีมตรวจสอบรวม 10 ทีม ขณะนี้มีความคืบหน้าไปพอสมควรแล้ว และเข้าตรวจสอบแล้ว 30- 40 โรงงาน คาดว่าจะเสร็จตามเป้าที่กำหนดภายใน 5 วัน

“สำหรับกรณีโรงงาน “พร้อมมาศ” ซึ่งอยู่ใกล้ชุมชนมาบชะลูด ตำบลห้วยโป่ง และอยู่ในความรับผิดชอบของอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ที่เกิดเหตุกรดกำมะถันรั่วไหลซ้ำซาก สร้างความเดือดร้อนให้กับชุมชนมาบชะลูดนั้น ได้แจ้งอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมให้ตรวจสอบแล้ว ฉะนั้นอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ก็มีหน้าที่ต้องไปดำเนินการไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก และได้มอบนโยบายอุตสาหกรรมจังหวัดรวม 59 จังหวัด ให้จำแนกโรงงานที่มีความเสี่ยง ถ้าเสี่ยงมากต้องไปทำแผนฉุกเฉินชุมชน โดยทำงานร่วมกับป้องกันและสาธารณภัยจังหวัด และในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ ก็จะเชิญอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศมาเรียนวิธีการทำแผนฉุกเฉินชุมชน เนื่องจากจังหวัดอื่นไม่มีประสบการณ์เหมือนจังหวัดระยอง เมื่อมันเกิดขึ้นต้องเอามาเป็นบทเรียนและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกง”ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ กล่าว

ด้านนายไชยยศ วงศ์พยัต กรรมการผู้จัดการบริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด กล่าวว่า การดูแลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้โรงงาน ของ บริษัทฯ นั้นตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้น และขอยืนยันพร้อมรับผิดชอบอย่างเต็มที่ โดยหลังเกิดเหตุ บริษัทฯ ได้ระดมทีมงานเพื่อให้ความช่วยเหลือ และดูแลความเดือดร้อนของผู้ได้รับผลกระทบทั้งในส่วนของผู้เสียชีวิตและครอบครัว ผู้บาดเจ็บ และชุมชน อย่างต่อเนื่อง

สำหรับการช่วยเหลือแก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ บริษัทฯ ได้เปิดสายด่วน หมายเลข 038-698-698 เพื่อรับเรื่องและให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งจัดทีมงานเยี่ยมเยียนชุมชนและตรวจสอบความเสียหาย โดยพร้อมจะเร่งดำเนินการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายให้ไวที่สุด และขณะนี้ได้ลงพื้นที่แล้ว รวม 33 ชุมชน เช่น ชุมชนตากวน ชุมชนซอยร่วมพัฒนา ชุมชนตลาดมาบตาพุด และวัดมาบตาพุด นอกจากนี้ยังได้ประสานกับเทศบาลเมืองมาบตาพุดจัดบริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อให้บริการตรวจเช็คสุขภาพแก่ชุมชนในบริเวณใกล้เคียง พร้อมทั้งมีแผนให้บริการชุมชน ด้วยรถตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ของบริษัท ฯ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี คาดว่าจะเริ่มให้บริการในเดือนมิถุนายนนี้

ด้าน พ.ต.อ.เสรี เศรษฐกร ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรมาบตาพุด กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า ได้แบ่งคดีเป็น 2 ส่วน ในส่วนแรกได้ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพและได้ดำเนินเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องคดีอาญาได้รับคดีแล้วแต่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ใด เพราะว่าอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานเอกสาร พยานบุคคล และที่สำคัญพยานจากกองพิสูจน์หลักฐานที่จะมาประกอบสำนวนเพื่อพิจารณา ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้แต่งตั้งพนักงานสอบสวนเป็นทีมงานเฉพาะ เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ความคืบหน้าต้องใช้เวลาระยะเวลาหนึ่งซึ่งต้องรอผลตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน


กำลังโหลดความคิดเห็น