ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ร้อนจัด! เกิดเหตุไฟไหม้อาคารพาณิชย์วอด 4 คูหากลางเมืองโคราช คุณยายวัย 70 ปีรอดหวุดหวิด คาดเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ด้านนายกเหล่ากาชาดรุดให้ความช่วยเหลือ เตือนประชาชนหมั่นตรวจสอบสายไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าให้มีความปลอดภัย
วันนี้ (3 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ คาศรี ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนบริเวณใกล้เคียงกับปั๊มน้ำมันเชลล์ ถ.ยมราช เขตเทศบาลนครนครราชสีมา โดยเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรุนแรงและมีทีท่าว่าจะลุกลามไปยังบ้านใกล้เคียง จึงประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครนครราชสีมา รุดไปให้ความช่วยเหลือ
ในที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงบริเวณชั้น 2 ของอาคารพาณิชย์ เลขที่ 108 และกำลังลุกลามไปยังคูหาใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงช่วยกันฉีดน้ำสกัดเพลิง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงควบคุมเพลิงไว้ได้ จากการตรวจสอบพบบริเวณชั้น 2 ของอาคารรวม 4 คูหาถูกไฟไหม้เสียหาย มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
จากการสอบถาม นางฉวีวรรณ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 42 ปี แม่บ้านที่อาศัยอยู่บ้านต้นเพลิง ให้การว่า ช่วงเกิดเหตุกำลังดูแล นางลี้เกียง คุ้มภักดี อายุ 70 ปี เจ้าของบ้านที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์อยู่บริเวณชั้นล่าง โดยตนได้กลิ่นเหม็นไหม้อย่างแรงที่ชั้น 2 จึงเดินขึ้นไปดู พบเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง ด้วยความตกใจจึงรีบพานางลี้เกียงออกจากบ้าน และตะโกนขอความช่วยเหลือ ซึ่งเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากบริเวณชั้น 2 เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ ทำให้ลุกลามติดไปยังคูหาใกล้เคียง แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบอาคาร โดยกั้นบริเวณไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในที่เกิดเหตุ เนื่องจากเกรงอาคารจะทรุด จนอาจทำให้เกิดอันตรายได้
ต่อมา นางสุมาลี ศิรินันท์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นางปิยะฉัตร อินสว่าง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา ได้เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจแก่ครอบครัวที่ประสบเหตุ โดยเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมาได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวน 2,000 บาท และเครื่องอุปโภค บริโภคให้ทุกครอบครัวที่ประสบภัยครั้งนี้
พร้อมกับฝากเตือนประชาชนว่า ระยะนี้ในพื้นที่ จ.นครราชสีมาเกิดเหตุไฟไหม้บ้านเรือนบ่อยครั้ง สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำรุด และไม่ได้มีการดูแล ตรวจสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังเกิดจากที่ประชาชนมักจุดธูปเทียนบูชาพระทิ้งไว้แล้วไม่ได้ดับก่อนออกจากบ้านทำให้เกิดไฟไหม้
ดังนั้น ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งควรตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด หากพบว่าอุปกรณ์ชิ้นใดชำรุดเสียหายก็ไม่ควรนำมาใช้หรือนำไปซ่อมแซมเสียก่อน และหากพบเห็นเพลิงไหม้ ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรืออาสาสมัครกู้ภัยที่อยู่ใกล้เคียง หรือแจ้งที่สายด่วนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
