แพร่ - เจ้าหน้าที่เข้าเก็บตัวอย่างน้ำจากบ่อดินลูกรังเก่าเมืองแพร่ หลังชาวบ้านแห่ตัก “อาบ ทา ดื่ม” หวั่นปนเปื้อนโลหะหนัก หลังพบที่ตั้งบ่อน้ำอยู่ห่างจากบ่อขยะไม่ถึง 1 กม. เสี่ยงสสาร “ซีลีเนียม-แบเรียม” เจือปนได้ คาดรู้ผลใน 15 วัน
รายงานข่าวจากจังหวัดแพร่แจ้งว่า นายเจริญ สิทธิศร ปลัดเทศบาลตำบลป่าแมต อ.เมือง จ.แพร่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเมืองแพร่ พาเจ้าหน้าที่จากกรมอนามัยเขต 10 จ.เชียงใหม่ นำโดยนายอเนก ศิริโหราชัย นักวิชาการสาธารณสุข พร้อมด้วยทีมงานเข้าเก็บตัวอย่างน้ำจำนวน 2 จุดในบ่อน้ำที่ผู้รับเหมาบริษัทแพร่วิศวกรรม จำกัด ทำการขุดดินลูกรังบริเวณหมู่ 5 ต.ป่าแมต อ.เมือง จ.แพร่ เพื่อนำดินไปสร้างถนนสายแพร่-อำเภอลอง ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำไปตรวจสอบสารปนเปื้อนในแหล่งน้ำดังกล่าว
นายอเนกให้ข้อมูลว่า หลังจากบ่อน้ำดังกล่าวมีประชาชนสนใจนำไปใช้เป็นยารักษาโรค ซึ่งมีทั้งนำไปใช้อาบ ทา และดื่ม ซึ่งแม้บ่อน้ำแห่งนี้จะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่มีรายงานว่าบ่อน้ำดังกล่าวอยู่ใกล้กับบ่อทิ้งขยะของเทศบาลเมืองแพร่ด้วย จึงจำเป็นที่จะต้องเข้ามาตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านที่นำน้ำไปใช้
นายอเนกกล่าวด้วยว่า ในการตรวจคุณภาพน้ำและสารปนเปื้อน ปกติจะมีการตรวจอยู่ 20 ตัวชี้วัด เช่น ความกระด้าง ความเป็นกรดด่าง โลหะหนักจำพวกสารปลอด ตะกั่ว แคดเมียม ฯลฯ แต่ในการตรวจครั้งนี้มีการเพิ่มการตรวจอีก 2 ตัวชี้วัด คือ จะมีการตรวจ “สารซีลีเนียม และสารแบเรียม” เพิ่มไปด้วย เพราะสารเหล่านี้อาจเกิดขึ้นจากการปนเปื้อนมาจากบ่อขยะที่สามารถซึมผ่านใต้ดินได้ไกลถึง 1 กม. ซึ่งบ่อน้ำที่ชาวบ้านเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อยู่ห่างบ่อขยะเทศบาลเมืองแพร่ไม่ถึง 1 กม.
ส่วนกรณีที่มีประชาชนนำน้ำไปใช้แล้วหายจากโรค พอสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่าเกิดจากแร่ธาตุที่มีอยู่ในดิน และอาจเกิดจากการหมักของขยะถ้ามีการปนเปื้อนเข้ามาในใต้ดิน
อย่างไรก็ตาม เป็นข้อสังเกตเท่านั้น ต้องรอการตรวจพิสูจน์โดยละเอียดจากห้องแล็บก่อน โดยจะนำส่งตัวอย่างน้ำไปตรวจพิสูจน์ที่กระทรวงสาธารณสุข จะรู้ผลภายใน 15 วัน ถ้าพบว่ามีโลหะหนักปนเปื้อนที่เป็นอันตรายจะต้องสั่งห้ามใช้น้ำในบ่อดังกล่าวทันที เพราะเป็นอันตรายอาจทำให้เกิดโรคอื่นตามมาในระยะยาว แต่ถ้าไม่พบสารหรือโลหะหนักที่เป็นอันตราย ก็สามารถใช้ได้ต่อไป แต่ควรผ่านการต้มเสียก่อนเพราะน่าจะมีแบคทีเรียจำนวนมาก
