สุรินทร์ - ตำรวจ ปทส.ผสานกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ศีขรภูมิ และ ทสจ.สุรินทร์ บุกยึดไม้พะยูงซุกใต้กองฟางและในสระน้ำกลางทุ่งนา ได้ของกลางจำนวนมาก 147 ท่อน ส่งขายต่างประเทศมีมูลค่าสูงถึง 135 ล้านบาท เผยเป็นการจับกุมรายใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน ส่วนผู้ต้องหาไหวตัวหนีทัน ทิ้งแม่ยายวัย 76 ปีไว้รับหน้าแทน
วันนี้ (2 พ.ค.) พ.ต.ท.พล พิชัยยุทธ รอง ผกก.กองปราบปราม ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ตร.ปทส.) พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติชุดการทำงานของ พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.ร่วมกับ นายทำนอง ศรีเมือง นายอำเภอศีขรภูมิ จ.สุรินทร์, นายนิธี กันนุฬา ปลัดฝ่ายป้องกัน อ.ศีขรภูมิ, ร.ต.ต.ไชบรร ก่อแก้ว ร้อยเวรสอบสวน สภ.ต.หนองจอก อ.ศีขรภูมิ, นายณัฐนันท์ พงษ์ภูริพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุรินทร์ (ผอ.สนง.ทสจ.สุรินทร์)
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกกว่า 10 นาย ได้เข้าตรวจยึดไม้พะยูงจำนวนมาก รวม 147 ท่อน ปริมาตร 7.8 ลูกบาศก์เมตร ที่ซุกซ่อนไว้ใต้กองฟางบริเวณใกล้กระท่อมปลายนา และในสระน้ำ พื้นที่นาของ นางดา อุดมดัน อายุ 76 ปีบ้านเลขที่ 167 บ้านทรัพย์โกฏิ หมู่ที่ 15 ต.ตรึม อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ พร้อมตรวจยึดตราชั่งขนาด 150 กิโลกรัม 1 เครื่อง ซึ่งใช้ชั่งน้ำหนักไม้พะยูงในการซิ้อขายในแต่ละครั้ง
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ไม้พะยูงทั้งหมดคิดเป็นมูลค่าการซื้อขายในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านบาท และหากขนส่งถึงท่าเรือเข้าตู้คอนเทนเนอร์พร้อมเดินทางออกนอกประเทศ จะมีมูลค่าสูงถึง 130-135 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจยึดไม้พะยูง นางดา อุดมตัน ซึ่งเป็นเจ้าของที่นา ได้บอกว่า ไม้ทั้งหมดที่ทางเจ้าหน้าที่ยึดได้ในที่นาของตนนั้นไม่ใช่ไม้ของตัวเอง เป็นไม้ของ นายเสกสุข จันทร์ อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นลูกเขย ได้นำมาซุกซ่อนเอาไว้ และได้ส่งไม้ไปจำหน่ายแก่นายทุนตามคำสั่งซื้อเข้ามา
ส่วนนายเสกสุขไหวตัวทันหลบหนีไปได้ระหว่างที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปตรวจยึดไม้พะยูง ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.ต.หนองจอก ศีขรภูมิ จะได้ขอศาลออกหมายจับในวันพรุ่งนี้ (3 พ.ค.) เพราะทราบที่อยู่ของนายเสกสุขอย่างชัดเจน คาดว่าไม่เกิน 7 วันจะได้ตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.ท.พล พิชัยยุทธ รอง ผกก.ปป.ตร.ปทส.เปิดเผยว่า ไม้พะยูงที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดในวันนี้ มีการสืบสวนสอบสวนมานาน จนกระทั่งทราบแน่ชัดว่าไม้พะยูงถูกลักลอบขนออกมาจากบ้านทรัพย์โกฏิแห่งนี้ และกำลังสืบสวนสอบสวนลงลึกไปอีกว่าไม้พะยูงเหล่านี้ถูกลักลอบตัดมาจากแนวเทือกเขาพนมดงรักชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่ จ.สุรินทร์, ศรีสะเกษ และ จ.บุรีรัมย์ หรือไม่ และได้สืบทราบมานานแล้วว่าไม้ดังกล่าวได้ส่งไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้านมานาน และตนได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. (ปป.) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้เข้ามาตรวจสอบไม้พะยูงดังกล่าว
“โดยก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางเข้ามาตรวจสอบมีการขนย้ายออกไปก่อนหน้านี้ คือเมื่อคืนที่ผ่านมา (1 พ.ค.) เพราะรอยขนออกไปไม่นาน และไม้ที่ตรวจยึดได้วันนี้มีจำนวน 147 ท่อน ปริมาตร 7.8 ลูกบาศก์เมตร หากมีการขนย้ายหรือนำออกไปจำหน่ายได้จะมีราคาสูงมาก” พ.ต.ท.พลกล่าว
แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุรินทร์ระบุว่า มีขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูงจากพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขนย้ายมาจากเขตชายแดนด้าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และนำมารวมกองกันไว้ หรือนำลงไปแช่ไว้ในน้ำก่อนนำขึ้นมาแปรรูปเพื่อหลอกตบตาเจ้าหน้าที่ในการขนย้าย เพราะไม้ที่ขนมาทั้งหมดนี้ทางเจ้าหน้าที่สืบมาแล้วว่าเป็นไม้ที่ผู้ต้องหาได้นำมาซุกซ่อนเอาไว้ และจะส่งออกไปขายให้หมดภายในเดือนนี้ และก่อนหน้านี้มีนายทุนรายใหญ่นำรถบรรทุกสิบล้อเข้ามาขนถ่ายออกไป ซึ่งบางครั้งจะนำซุกซ่อนไปกับกระสอบข้าวเปลือก ซึ่งรายนี้ถือว่าเป็นรายใหญ่ของภาคอีสานเลยทีเดียว
ขณะที่ นายทำนอง ศรีเมือง นายอำเภอศีขรภูมิ กล่าวว่า ถือว่าเป็นการจับกุมผู้ลักลอบค้าไม้พะยูงรายใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ซึ่งได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการสอบสวนที่มาที่ไป ของไม้พะยูงทั้งหมดว่ามาจากที่ไหนอย่างไรบ้าง ไม้พวกนี้นำเข้ามา และออกไปได้อย่างไร โดยขณะนี้ไม้ของกลางทั้งหมดได้ทำการตรวจยึดและได้นำไปเก็บไว้ที่ สภ.ต.หนองจอก ศีขรภูมิ