พะเยา - เปิดศูนย์รับซื้อยางพาราและปัจจัยการผลิตที่ภูซาง พร้อมใช้ 10,000 ล้านบาทรับซื้อยางทั่วประเทศ แดงอำมาตย์บอกใช้ราคานำตลาดกิโลกรัมละ 1-2 บาท มั่นใจขยับถึงกิโลกรัมละ 120 บาท ย้ำประกาศราคา 2 พฤษภาคม 55 ให้กระจายงบฯ ทั่วประเทศรับซื้อยางจากสถาบันเกษตรกรร่วมโครงการ
นายอารี ไกรนรา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เคยเป็นการ์ดเสื้อแดง พร้อมด้วยข้าราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดพะเยา และประชาชนเกษตรกรชาวสวนยางพาราพะเยา ได้ร่วมพิธีเปิดศูนย์รับซื้อผลผลิตยางพาราและจำหน่ายผลผลิต ณ อาคารสำนักงานองค์การสวนยาง (อสย.) ต.เชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยศูนย์ฯ ดังกล่าวจะเป็นสถานที่รับซื้อผลผลิตยางพาราจากสถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการรักษาเสถียรภาพยางพาราในพื้นที่ภาคเหนือ
นายอารีกล่าวว่า ศูนย์ฯ แห่งนี้จะถูกใช้เป็นสถานที่รับซื้อและรวบรวมยางพาราแผ่นดิบจากสถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการรักษาเสถียรภาพยางพารา ที่ทางรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 15,000 ล้านบาทเพื่อให้ อสย.และสถาบันเกษตรกรใช้ในการซื้อยางแผ่นดิบในลักษณะนำตลาด ช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหายางพาราราคาตกต่ำที่ผ่านมาให้มีราคาสูงกว่าท้องตลาด
อสย.ได้รับงบประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยจะใช้กระจายช่วยเหลือไปทั่วประเทศด้วยการซื้อนำตลาดในราคากิโลกรัมละ 1-2 บาท โดยรัฐบาลจะประกาศราคารับซื้อในวันที่ 2 พฤษภาคม 55 นี้ แต่ยังไม่สามารถระบุราคาได้
“อย่างไรก็ตาม ราคาที่จะประกาศรับซื้อโดย อสย.เพื่อรับซื้อยางพาราแผ่นดิบจากสถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ นั้น แม้จะไม่สามารถระบุได้จนกว่าจะมีการประกาศในวันที่ 2 พฤษภาคม แต่คาดว่าจะต้องมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 120 บาทอย่างแน่นอน” ผช.เลขาฯ รมช.เกษตรฯ กล่าว
ด้านนายชนะชัย เปล่งศิริวัธน์ ผู้อำนวยการองค์การสวนยาง (อสย.) กล่าวว่า เนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553 อนุมัติให้ อสย.ดำเนินงานตามโครงการพัฒนาตลาดและแปรรูปยางเพื่อเพิ่มมูลค่าตามนโยบายรัฐบาล
การก่อสร้างโรงงานผลิตยางแท่ง STR 20 พร้อมติดตั้งเครื่องจักรขนาดกำลังผลิตปีละ 20,000 ตัน และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ขึ้นจำนวน 3 แห่งใน 3 จังหวัด คือ ศรีสะเกษ อุดรธานี และนครพนม สร้างศูนย์รับซื้อผลผลิตยางพาราและจำหน่ายปัจจัยการผลิต 6 แห่งในจังหวัดพะเยา พิษณุโลก กำแพงเพชร ชัยภูมิ เลย และนครพนม เพื่อรองรับผลผลิตยางพาราจากเกษตรกรในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ขายยางพาราในราคาที่เป็นธรรม
สำหรับศูนย์ฯ จังหวัดพะเยาจะรองรับผลผลิตยางพาราในพะเยา เชียงราย เชียงใหม่ น่าน แม่ฮ่องสอน ลำพูน และลำปาง
“การซื้อนำตลาดของศูนย์ฯ แห่งนี้และสถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จะมีขั้นตอนการรับซื้อที่มีราคาขยับขึ้นเป็นลำดับค่อยเป็นค่อยไปกิโลกรัมละ 1-2 บาท/วัน จะไม่ประกาศรับซื้อในราคาสูงสุดตั้งแต่ต้น เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการขาดทุนได้” ผอ.อสย.กล่าว
